Ripple วางแผนที่จะขยายตัวไปทั่วโลกด้วยการจดทะเบียนใน “ไอร์แลนด์” ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่ของพวกเขาตั้งอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากปัญหาทางกฎหมายกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) Stuart Alderoty ที่ปรึกษาทั่วไปของ Ripple กล่าวว่าบริษัทได้มีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพนอกสหรัฐอเมริกาแล้ว เขาย้ำว่าลูกค้าและรายได้ส่วนใหญ่มาจากประเทศต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือจากสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม Alderoty ยอมรับว่าพนักงานส่วนใหญ่ยังคงประจำการอยู่ที่นั่น Ripple Labs มีพนักงานมากกว่า 750 คนทั่วโลก โดยประมาณครึ่งหนึ่งทำงานในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่อีก 60 คนประจำอยู่ในสำนักงานในลอนดอน และปัจจุบัน Ripple มีพนักงาน 2 คนที่ทำงานอยู่ใน “ไอร์แลนด์”
Alderoty กล่าวว่าบริษัทวางแผนที่จะยื่นขอใบอนุญาตผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน (VASP) ที่นั่น “ในไม่ช้า” ซึ่งธนาคารกลางแห่งไอร์แลนด์ได้มีการขึ้นทะเบียน Gemini บริษัทกระดานเทรด Crypto ของสหรัฐฯ เป็น VASP แล้ว หากพวกเขาได้รับใบอนุญาต กฎหมาย MiCA ที่รอดำเนินการอยู่ของสหภาพยุโรปจะทำให้ Ripple สามารถให้บริการได้ทั่วภาคพื้นยุโรป
SEC บีบบังคับ
Brad Garlinghouse ผู้บริหารระดับสูงของ Ripple ยังได้เน้นย้ำถึงพัฒนาการของบริษัททั่วโลก “เรากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดนอกสหรัฐฯ” เขากล่าว “95% ของลูกค้าของเราไม่ใช่ชาวอเมริกัน”
Garlinghouse ได้อธิบายว่าเป็นเพราะคดีความที่มีกับสำนักงาน ก.ล.ต. ที่เป็นการบีบบังคับให้พวกเขาดำเนินการในลักษณะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางฟ้อง Ripple ในปี 2020 โดยอ้างว่าพวกได้ขายโทเค็น XRP ซึ่งหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน “มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ สหรัฐอเมริกาเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่คิดว่า XRP เป็นหลักทรัพย์” Garlinghouse กล่าวแสดงความคิดเห็น
ถึงแม้ว่าบทสรุปทางกฎหมายขั้นสุดท้ายจะครบแล้วเสร็จในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ก็ยื่นเรื่องเพื่อขอคำพิพากษารวบรัด ซึ่งอาจจะทำให้ผู้พิพากษาสามารถทำการตัดสินคดีได้เลย แต่ถ้ามันไม่เกิดขึ้น ก็ยังสามารถดำเนินการพิจารณาคดีตามปกติได้ ทั้ง Garlinghouse และ Alderoty กล่าวว่าพวกเขาคาดว่าคดีจะสิ้นสุดในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
ความเคลื่อนไหวที่ Ripple Swell
พวกเขายังได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Ripple Swell งานประชุมประจำปีของพวกเขาในลอนดอนในสัปดาห์นี้ ในงาน พวกเขาได้แถลงการณ์ในหลายๆ เรื่อง Ripple เน้นย้ำเรื่องการเติบโตทั่วโลก โดยกล่าวว่าพวกเขาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ On-Demand Liquidity (ODL) ในอาร์เจนตินา, เบลเยียม, อิสราเอล, และแอฟริกา และเสริมว่าลูกค้า RippleNet ที่ใช้สกุลเงิน Fiat ในออสเตรเลีย, บราซิล, สิงคโปร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, และสหรัฐอเมริกา, จะได้รับการอัพเกรดเป็น ODL เช่นกัน
Ripple ยังกล่าวขอบคุณลูกค้าต่างชาติรายใหม่ๆ ที่เริ่มใช้ ODL ตัวอย่างเช่น Lemonway ผู้ให้บริการตลาดออนไลน์ในปารีส เช่นเดียวกับผู้ให้บริการการโอนเงิน Xbaht ของสวีเดน ลูกค้ารายใหม่อีกรายคือ MFS Africa ซึ่งตอนนี้จะใช้ ODL ในการเชื่อมต่อกระเป๋าเงิน 400 ล้านใบในตลาดระดับประเทศ 35 แห่ง
เหนือสิ่งอื่นใด Ripple กล่าวว่า พวกเขาได้ผสานรวมเอาความสามารถของ Machine Learning เข้ากับผลิตภัณฑ์ของตน พวกเขากล่าวว่าสิ่งนี้จะไม่เพียงปรับปรุงกระบวนการชำระเงินสำหรับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพของโซลูชันสภาพคล่องด้วย
Trusted
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ
