Vitalik Buterin ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการคริปโต ชายผู้นี้ไม่ได้ชอบแสงสีเสียง ไม่ได้ชอบดื่มหรือปาร์ตี้ ไม่ได้ชอบคนหมู่มาก เขามีอายุปีนี้ได้ 28 ปี เมื่อสมัย 9 ปีที่แล้วเขาได้รู้จัก ‘Etheruem’ โดยมีแนวคิดในการนำ Blockchain ที่ถูกใช้ใน Bitcoin มาต่อยอดในการกระจายศูนย์สิ่งต่างๆโดยที่ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของ Currency อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งทำให้ Etheruem กลายเป็น ‘ต้นกำเนิดของ Web3’ ซึ่งมีมูลค่าเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Bitcoin ซึ่งมีมูลค่าแสนล้านดอลล่าร์.
ETH ได้พยายามที่จะทำให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงการเงินให้เข้าถึงการเงินที่มีประสิทธิภาพได้โดยไม่สนใจเรื่องของภูมิประเทศ สร้าง Platform สำหรับการสร้าง Dapp (Decentralized Application) เพื่อให้นักพัฒนามาพัฒนาของในแหล่งนี้ได้ตั้งแต่ Payment system ไปยัน กองทุนวิจัยการแพทย์
ในขณะที่ตลาดคริปโตพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ Vitalik ได้มองโลกคริปโตผ่านความภูมิใจและความเจ็ปปวด ETH ที่เขาสร้างทำให้เขาเป็นผู้ร่ำรวยมหาศาล แต่กลับทำให้คนที่รวยขึ้นเป็นคนรวยและสร้างมลพิษสู่อากาศ (จากไฟฟ้าที่เครื่องขุดใช้ในการประมวล ETH) รวมทั้งคนยังใช้ ETH เพื่อหลบหนีภาษี ฟอกเงิน และโกงสารพัด (Scam, Hack) เขาได้กล่าวว่า ‘Crypto อาจนำพาโลกไปในหนทางที่แย่ที่สุด ถ้าเราสร้างมันขึ้นมาผิดวิธี’
ปัญหาแรกที่เขาได้พบเจอนั้นคือ ‘ค่าแก๊สที่แพงเกินไป (ETH gas fee)’ ซึ่งมาจากการที่ตลาด NFT บูมอย่างมาก คนซื้อกันเพื่อเก็งกำไร อย่าง Bored Ape Yacht Club ซึ่งมีมูลค่ากว่า 3 ล้านต่อตัว คนมอง Crypto ว่าเป็นเครื่องมือของคนรวยในการโชว์หรือลงทุน ซึ่งนั้นผิดจากที่เขาได้คาดหวังไว้
สิ่งที่เขาคาดหวังไว้จากวงการคริปโตก็คือ ‘ETH จะเป็น Lauchpad สำหรับโครงการต่างๆที่จะทำให้ระบบการเมืองและสังคมนั้นดีขึ้น’ เช่น ระบบโหวตแบบ Blockchain, DAO สำหรับจัดการผังเมือง, Universal Basic Income,
โครงการมีส่วนร่วมต่างๆ สิ่งที่เขาสร้างนั้นก็เพื่อที่จะเป็นทางเลือกของผู้คนในการสร้างสิ่งที่ดีขึ้นซึ่งจะพ้นจากการควบคุมของเทคโนโลยีใน SiliconValley’s และรัฐบาล การมี Vision ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นย่อมขัดใจคนส่วนใหญ่เป็นธรรมดา ‘ถ้าเราไม่กล้าทำอะไรที่เสี่ยงที่มีผลดีต่อคนหมู่มาก คนส่วนใหญ่ก็จะแคร์แค่กำไรในวันนี้และโลกก็จะเป็นเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง’ Vitalik กล่าว
Vitalik ไม่ใช่ผู้ที่เป็นเผด็จการมีอำนาจล้นฟ้าเพียงเพราะเขาสร้าง Platform ของตัวเอง แต่ ETH ก่อกำเนิดจาก ผู้พัฒนา Dapp, นักลงทุน และคอมมูนิตี้ เขาไม่ได้สั่งหรือทำลายตลาด แต่เขาพยายามใช้พลังของเขาในการพูด, เขียน หรือให้สำภาษณ์กับนักข่าวเกี่ยวกับอนาคตของโลก Crypto ในบางครั้งมีคนไม่ชอบเขาแต่เขาก็ยังคงต้องผลักดันให้ ETH เป็นศูนย์กลางทางการเงินใหม่ต่อไป
หลังจากที่มีข่าวรัสเซียได้ใช้ Crypto ในการหลบหนีการซื้อขายกับกลุ่มประเทศยุโรป ก็ได้ทำให้ Vitalik รู้สึกต้องรับผิดชอบจึงได้เขียนออกมาว่า ‘เป้าหมายที่แท้จริงของ Crypto คืออิสรภาพทางการเงิน ไม่ใช่การปั่นราคารูปลิง เรากำลังทำบางสิ่งที่ดีกว่าในโลกปัจจุบันมี’ ทำให้เป้าหมายในปี 2022 เขาได้ตั้งเป้าไว้ว่า ‘ETH จะต้องเสี่ยงมากขึ้น เราอาจจะทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจกับการคาดหวังผลตอบแทนเท่านั้น’
ในขณะที่เป็นเด็กเขาได้รู้จัก Bitcoin ครั้งแรกในปี 2011 ซึ่งมีผลมาจากวิกฤตซับไพร์ม 2008 ที่ตลาดอสังหาร่วมกราว ทำให้แบงค์ต้องพับลงไปกันมาก คนที่เอาเงินไปกู้ล้มละลายกันไปหมด ส่งผลให้รัฐพิมพ์แบงค์ออกมาค้ำไว้ ในสมัยเด็กๆ Vitalik ได้เขียนบทความในนิตยสาร Bitcoin Weekly ซึ่งได้ผลตอบแทน 5 BTC ต่อสัปดาห์
สำหรับเขานั้นสิ่งที่แย่ที่สุดใน Crypto ที่เขาคิดได้ก็คือ หาก Crypto ไปอยู่ในมือของเผด็จการที่คิดไม่ดี เขาไม่พอใจสำหรับการที่ El Salvador ได้รับรองการใช้ Bitcoin อย่างเป็นทางการ
ซึ่งนั้นทำให้ BTC เกิดความผันผวนเป็นอย่างมาก การใช้ Technology เพื่อสร้างความขัดแย้งนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ Crypto ไม่ Decentralized ดั่งเช่นประเทศจีนทำและบริษัทเมต้าทำ
เขาไม่เชื่อว่าบริษัทควรที่จะหารายได้จาก ‘ข้อมูลของลูกค้า’ และไม่มีใครควรจะทำได้ คนเราควรจะมีสิทธิในการกำหนดชีวิตของตัวเอง เขาไม่ได้อยากให้ Platform ของเขาทำเพื่อใครซักคนนึง
เขาอยากให้ทุกคนมีอิสระที่จะใช้มัน ‘ผมอยากให้มันมีทั้งด้านที่ดีที่สุดและด้านที่แย่ที่สุด’ แย่ที่สุดหมายถึง Platform ของเขาสามารถถูก Hack ได้ง่ายกว่า Private System แต่ว่าข้อดีคือ เมื่อมันอยู่บน Public Blockchain หมายความว่าทุกคนสามารถมาสร้าง App บนของเขาได้เมื่อไหร่ก็ได้ และเมื่อผ่านทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายไปหมดสิ้น สิ่งที่ดีที่สุดจะออกมาเอง
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ