เงินปันผลจากการลงทุน Bitcoin คืออะไร? หากไม่ทราบว่า Bitcoin คืออะไร เราแนะนำให้อ่านหนังสือ 8 เล่มนี้ หากอยากรู้ว่า เงินปันผลจากการลงทุน Bitcoin คืออะไร เราคงต้องเริ่มจากคำถามที่ว่า…
อะไรคือเงินปันผล? (Dividend)
เงินปันผลคือ เงินที่บริษัทจ่ายกำไรส่วนเกินให้แก่ผู้ถือหุ้น บางบริษัทมีกำไรจ่ายให้แต่ในบางบริษัทไม่มีนโยบายจ่ายเนื่องจากนำเงินที่คนลงทุนไปลงทุนต่อโดยยังไม่มีกำไรเกิดขึ้น บริษัทใน US ส่วนใหญ่แล้วมักไม่ค่อยมีนโยบายจ่ายให้ เช่น Amazon ที่เน้นการ Reinvest เสมอๆ โดยที่เงินปันผลอาจจะได้ประมาณ 2-5% ของเงินต้น โดยส่วนใหญ่แล้วหากมองระยะยาว การ Compound ของ Dividend จะสร้างกำไรมหาศาลได้ในอนาคตเลยทีเดียว
ลองนึกภาพว่าถ้าคุณมีหุ้น 1 ตัวในบริษัท A ซึ่งมีมูลค่า $100 หากบริษัทจ่ายปันผลให้ $5 ต่อหุ้น คุณก็จะมี 1.05 หุ้นในปีหน้า ซึ่งหากปีหน้าหุ้นมีราคาเท่าเดิม คุณก็จะได้อีก 5 แต่เมื่อทบต้นจากปีที่แล้วคุณก็จะได้ 5.25 (+5%) ทบไปเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไปมันจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นั้นเป็นผลจาก ‘ดอกเบี้ยทบต้น’ ที่ทำให้ผู้ลงทุนระยะยาวได้เปรียบเป็นอย่างมาก
เงินปันผลในรูปแบบคริปโต
เงินปันผลจากการลงทุน Bitcoin คืออะไร? ลองคิดดูว่า Airdrop และ Hard folk สามารถเรียกว่าเป็น Dividend ได้หรือไม่? จริงๆแล้วอาจจะเรียกว่าไม่ได้ เนื่องจากผลตอบแทนที่ให้ไม่ได้มาจากรายได้ของแพลตฟอร์มแต่มาจากการที่คนต้องการเก็งกำไรเหรียญใหม่ๆจากการเอาเหรียญเก่าไป Stake ซึ่งเหรียญใหม่นั้นก็จะ Serve ระบบของเหรียญใหม่อีกที เมื่อเทียบกับบริษัทสมัยเก่าที่เงินปันผลที่ได้จะอยู่ในรูปแบบ Fiat ที่สามารถใช้ลงทุนได้ในทุกรูปแบบต่อ แต่ไม่เป็นไร ในระบบแบบใหม่เราพยายายามจะผลักเงินออกจากรัฐ หากเหรียญใหม่ที่ออกมามีค่าจริงๆ มันก็จะคล้ายๆกับการได้ Dividend จริงๆ เพราะเหรียญนั้นมีมูลค่า เอาไปใช้ต่อได้ (ยิ่ง Ecosystem ใหญ่และกว้าง เหรียญยิ่งมีมูลค่า)
แต่ในทุกๆครั้งที่มีการ Launch เหรียญใหม่ออกมา (ด้วยการเอาเหรียญเก่าไป Stake) ในบางครั้งเหรียญใหม่ที่ออกมาอาจจะมี Feature ที่สามารถใช้แทนเหรียญเก่าได้ นั้นทำให้ ‘มูลค่า’ ของเหรียญนั้นลดลงไป เช่น Bitcoin และ Bitcoin Cash ที่สุดท้ายแล้ว Bitcoin Cash ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะมาตอบโจทย์อะไร (จริงๆจะทำออกมาเป็น Bitcoin Killer) แต่เมื่อมีการอัพเกรด SegWit เกิดขึ้น ทำให้ Bitcoin นั้นเพิ่มความปลอดภัยสูงขึ้นอีกมาก ซึ่งทำให้ Bitcoin Cash นั้นมีมูลค่าที่ลดลงแม้ว่าจะสามารถฝาก BTH ให้ดอกเบี้ย 5-20% ต่อปีก็ตาม นั้นทำให้ การนำ BTC ไป Staking เพื่อรับเหรียญใหม่ๆนั้น ‘ไม่สามารถแทนที่เหรียญเดิมได้แบบ 100%’ เนื่องจากเหรียญที่ได้มาเป็นคนละเหรียญ ซึ่งได้มูลค่าที่ไม่เท่ากัน เหมือนหุ้นที่จะได้กลับมาเป็น USD
ความสามารถในการเติบโตแบบยั่งยืนของเหรียญและความสามารถในใช้งาน
สิ่งที่ผมวิเคราะห์มาคือ เงินปันผลที่ได้ ไม่ควรได้ออกมาในรูปแบบของ Airdrop หรือว่า Hardfolk แต่ควรออกมาเป็นเงินสด ที่สามารถใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายได้ แม้ว่าจะสามารถนำเหรียญใหม่ไปขายหรือเทรดกลับเป็น BTC ก็ตาม
แต่สำหรับผู้ที่เชื่อมั่นใน BTC พวกเขาไม่เชื่อในการเอาเหรียญไป Stake หรือต้องการเหรียญอื่นนอกจาก BTC พวกเขาไม่ต้องการผูก Public key กับเว็ป (Byteball) หรือ Exchange ที่สมัครโดย Facebook (Stellar) สิ่งพวกนี้ขัดกับจุดประสงค์ในการ Decentrailized ของ Bitcoin พวกเขาเชื่อถือตนเองและพยายามลดความเสี่ยงในการหายให้ได้มากที่สุด
สิ่งที่ขัดแย้งของการฝากเงินกับ BTC
การที่จะหาสิ่งใดมาให้เป็นผลตอบแทนนอกเหนือจาก BTC นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย บรรดา Bitcoiner นั้นต่างก็ต้องการได้ BTC เป็นผลตอบแทนเพราะยากมากที่จะมีเหรียญอื่นสามารถเติบโตได้เท่า BTC และ Airdrop ต่างๆที่ได้จากการ Stake นั้นก็ยากที่จะคุ้มค่ามากกว่าการนำ BTC ไป Lending
การเทรดก็ไม่นับเป็น Dividend, Dividend นั้นจะต้องสามารถทบต้นได้อย่างยั่งยืน ซิ่งจะต่างจากการซื้อ-ขาย Dividend ที่ได้จาก BTC นั้นจึงควรที่จะเป็น BTC เพราะ BTC นั้นนับเป็น Currency ไม่ใช่ Equity เหมือนหุ้น มันมาทดแทน ‘เงิน’ BTC จึงไม่สามารถหารายได้ได้จากการทำธุรกิจและเราไม่สามารถใช้อะไรมา ‘ตีค่า BTC’ ได้ว่ามันมีมูลค่าเท่าไหร่ในเวลาไหน? ฉะนั้น 1 ‘BTC = 1 BTC’
ความเข้าใจเกี่ยวกับ Value ของ BTC
BTC นั้นไม่สามารถ ‘ปริ้น’ เพิ่มได้เนื่องจากมันมีจำกัดและมี Supply ชัดเจน (Stock-to-flow) นั้นทำให้เหรียญในระบบนั้นไม่สามารถเกิน 21 ล้านเหรียญได้ เมื่อวันใดที่ BTC ถึง 21 ล้านเหรียญ สินค้าต่างๆจะมีมูลค่าถูกลงเมื่อเทียบกับ BTC และคนจะออม BTC ไว้เช่นทอง ต่างจากระบบ Central Bank ที่สามารถปริ้นเงินเพิ่มขึ้นได้ ทำให้เกิด Economic แบบ ‘Inflation’ ไม่ใช่ ‘Deficit’ ของจะราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ถูกลงเรื่อยๆ และการออกแบบระบบการเงินแบบปัจจุบันนั้นเพื่อให้คนที่ไม่ได้ตามระบบการเงินของโลก ‘จะถูกทิ้งห่างด้วยค่าครองชีพที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ’ โอกาสที่พวกเขาจะมั่งคั่งได้จึงมีไม่กี่หนทาง ต่างจากระบบ BTC ที่ในขั้นสุดท้ายคนที่ออมจะได้ผลประโยชน์สูงสุดตามระยะเวลาที่แน่นอน
หนทางเพิ่ม BTC
ในเมื่อเราเข้าใจแล้วว่า BTC นั้นไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ต่างจาก Fiat เราจึงต้องหาวิธีอื่นที่สามารถสร้าง Yield ได้ใกล้เคียงที่สุดแล้วได้ผลตอบแทนเป็น BTC คือ
- Mining – การลงทุนทางตรงมากที่สุดคือ ‘การขุด’ ซึ่งการขุด BTC นั้นจะได้ผลตอบแทนเป็น BTC แต่ข้อเสียคือหากจะเพิ่มทุนจะต้องถอนเงินออกมาเพื่อไปซื้อการ์ดจอ และเมื่อยิ่งมีผู้ขุดมากขึ้นเท่าใด ความคุ้มค่าจะน้อยลงเท่านั้น ยังมีค่าไฟที่ต้องจ่ายทุกเดือนเช่นกัน ซึ่งอาจจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักในสมัยนี้เนื่องจากผลตอบแทนไม่งามเท่าสมัยก่อน
- Saving – บางแหล่งให้เราฝาก และเขาจะนำเงินฝากเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์อื่นๆต่อโดยให้ผลตอบแทนเราแบบแน่นอน และมีความเสี่ยงที่น้อยกว่าแบบอื่น อาจจะได้ประมาณ 3-5% เช่นเดียวกัน
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ