ในบทความนี้ เราจะสำรวจ ‘โปรโตคอลบล็อกเชน’ ชั้นนำของปี 2024 ตั้งแต่เครือข่ายเลเยอร์ 1 พื้นฐาน เช่น Bitcoin และ Ethereum ไปจนถึง โซลูชั่นเลเยอร์ 2 ขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดและลดค่าธรรมเนียมลงได้เป็นอย่างมาก เราจะไปดูกันว่า บทบาทหน้าที่ของ Smart Contract และ อัลกอริธึมฉันทามติ มีส่วนช่วยให้การทำธุรกรรมมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร นอกจากนี้ เรายังจะมาดูข้อมูลของเหรียญและโทเค็นที่ขับเคลื่อนระบบบล็อกเชนเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
แนวทางที่เราใช้เลือกแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด
ทีมผลิตภัณฑ์ของ BeInCrypto ได้ทำการทดสอบและใช้งานแพลตฟอร์มคริปโตที่หลากหลายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ตัวเลือกที่ดีที่สุดนั้นถูกจำกัดวงให้แคบลง และนี่คือเหตุผลที่เรายกให้แพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีในการซื้อสกุลเงินดิจิทัลของโปรโตคอลบล็อกเชนชั้นนำ
Coinbase: โดดเด่นด้วยอินเทอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่ายและมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ทำให้เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ
Wirex: ให้บริการฟีเจอร์สุดพิเศษของบัตรเดบิตคริปโต ซึ่งช่วยให้การแปลงสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินเฟียตสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย
YouHodler: ได้รับการยอมรับในเรื่องบัญชีออมทรัพย์คริปโตที่ให้ดอกเบี้ยสูง และการมีตัวเลือกในการใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นหลักประกันในการกู้ยืม ทำให้มีความยืดหยุ่นในการจัดการสินทรัพย์คริปโต
กล่าวโดยสรุปก็คือ BeInCrypto เลือก Coinbase, Wirex และ YouHodler เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในการซื้อสกุลเงินดิจิทัลหลักจากโปรโตคอลบล็อกเชนที่โดดเด่น ด้วยการพิจารณาจากปัจจัยสำคัญหลายๆ ประการแล้ว ประการแรก แต่ละแพลตฟอร์มมีชื่อเสียงที่ดีและมีความน่าเชื่อถือภายในโลกของสกุลเงินดิจิทัล เพื่อให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้สำหรับผู้ใช้งาน
ประการที่ 2 ความพร้อมใช้งานและความหลากหลายของสกุลเงินดิจิทัลหลักบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้ถูกประเมินอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานจะมีตัวเลือกที่หลากหลาย ซึ่งครอบคลุมโปรโตคอลบล็อกเชนชั้นนำต่างๆ ทำให้ผู้ใช้งานมีทางเลือกมากมายในการลงทุนและการกระจายความเสี่ยง
นอกจากนี้ BeInCrypto ยังพิจารณาในเรื่องประสบการณ์การใช้งานและอินเตอร์เฟสของแต่ละแพลตฟอร์ม โดยจะให้ความสำคัญในเรื่องดีไซน์ที่ชัดเจนและการใช้งานที่เรียบง่าย ทำให้การทำธุรกรรมสำหรับผู้ใช้งานใหม่และผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์มีความราบรื่น
นอกจากนี้ ปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ตัวเลือกของการฝากและถอน ตลอดจนถึง การให้บริการลูกค้า เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความคุ้มค่าและความช่วยเหลือที่มีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานโดยรวม
หลังจากที่พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบแล้ว BeInCrypto พบว่า Coinbase, Wirex และ YouHodler เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อสกุลเงินดิจิทัลหลักจากโปรโตคอลบล็อกเชนชั้นนำ ซึ่งมีการผสมผสานระหว่างความน่าเชื่อถือ การใช้งานง่าย และฟีเจอร์ที่จำเป็น เพื่อที่จะสามารถสร้างแผนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดีที่สุดได้
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบของ BeInCrypto ได้ที่นี่
- 9 โปรโตคอลบล็อกเชน ที่ดีที่สุดในปี 2024
- แนวทางที่เราใช้เลือกแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด
- 1. Bitcoin
- 2. Ethereum
- 3. Cardano
- 4. Polkadot
- 5. Solana
- 6. Chainlink
- 7. Polygon
- 8. Ripple
- 9. BNB Smart Chain (BSC)
- เปรียบเทียบ โปรโตคอลบล็อกเชน ชั้นนำต่างๆ
- โปรโตคอลบล็อกเชน คืออะไร?
- ความสัมพันธ์ระหว่าง “บล็อกเชน” และ “สกุลเงินดิจิทัล”
- โปรโตคอลคริปโต: ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน
- คำถามที่พบบ่อย
9 โปรโตคอลบล็อกเชน ที่ดีที่สุดในปี 2024
1. Bitcoin
Bitcoin ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเป็นผู้นำในโลกของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงเรื่องการเป็นสกุลเงินดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องระบบกระจายอำนาจสำหรับการแลกเปลี่ยนทางการเงินแบบ Peer-to-Peer ที่ปลอดภัยอีกด้วย Bitcoin ดำเนินงานโดยเป็นอิสระจากหน่วยงานทางการเงินแบบรวมศูนย์ ทำให้เครือข่ายมีระดับความปลอดภัยเป็นอย่างมาก บล็อกเชนอาศัยกระบวนการในการคำนวนที่ซับซ้อนซึ่งขับเคลื่อนด้วยชุมชนที่ถูกเรียกว่า Proof-of-Work เพื่อช่วยในการตรวจสอบธุรกรรมและรักษาความสมบูรณ์ของเครือข่าย
ด้วยแนวทางการกระจายอำนาจและสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โปรโตคอลคริปโตรายนี้เสนอทางเลือกให้กับระบบการเงินแบบดั้งเดิม ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการชำระเงินจะไม่สามารถย้อนกลับได้ และป้องกันความเสี่ยงในการใช้จ่ายซ้ำซ้อน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบุคคลที่ 3 ที่เชื่อถือได้ เช่น ธนาคาร เป็นต้น แนวทางนี้ทำให้ Bitcoin ทำให้ Bitcoin เป็นผู้นำในโลกของสกุลเงินดิจิทัล
ผู้ใช้งานที่ต้องการลงทุนใน Bitcoin สามารถทำได้โดยการซื้อ BTC โดยตรง หรือ มีส่วนร่วมผ่าน Spot Bitcoin ETF ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว
2. Ethereum
Ethereum เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องนวัตกรรมของพวกเขา แพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนรายนี้ได้เปลี่ยนมาใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Stake (PoS) ตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 เป็นต้นมา ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานลงได้มากกว่า 99% เมื่อเทียบกับโมเดล Proof-of-Work แบบเก่า
ภายใน Ethereum องค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ (DAO) สามารถสร้าง Smart Contract ขึ้นมาได้ เป้าหมายของ DAO คือ การสร้างกิจการที่ทำกำไร หรือ สร้างคุณค่าให้กับชุมชน Ethereum พร้อมๆ กับทำให้ให้มั่นใจว่า สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินใจ องค์กรเหล่านี้ดำเนินงานตามกฎเกณฑ์ของตนเองที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งรวมไปถึง วิธีการตัดสินใจ กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ และ ระบบการแจกจ่ายรางวัล
Smart Contracts ช่วยให้เครือข่ายสามารถรองรับ NFTs ได้ เช่นเดียวกับแอปพลิเคชั่นมากมาย โดยมีตัวอย่างแอปที่เด่นๆ ได้แก่ MetaMask กระเป๋าเงินดิจิทัล และ Brave Browser ซึ่งเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งของ Google Chrome ผู้ใช้งานที่ต้องการลงทุนในเครือข่าย Ethereum สามารถซื้อ Ether (ETH) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักของเครือข่ายได้
3. Cardano
Cardano เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ใช้งานแอปแบบกระจายอำนาจและสัญญาอัจฉริยะที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ แพลตฟอร์มนี้ใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Stake ที่เรียกว่า Ouroboros ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสนับสนุนเครือข่ายโดยการล็อกโทเค็นของพวกเขา
คุณลักษณะที่โดดเด่นของ Cardano คือ ความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน โดยการมุ่งเป้าไปที่การใช้พลังงานต่ำและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด นอกจากนี้ โครงสร้างที่ยืดหยุ่นยังช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนาได้ง่าย ช่วยให้มั่นใจได้ว่า แพลตฟอร์มจะมีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากพอที่จะรองรับแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจในอนาคตได้ ผู้ใช้งานที่ต้องการลงทุนใน Cardano สามารถซื้อเหรียญหลักของเครือข่ายอย่าง ADA ได้
4. Polkadot
Polkadot เป็นโปรโตคอลบล็อกเชนที่มีความหลากหลาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นฐานสำหรับเครือข่ายบล็อกเชนต่างๆ ที่เชื่อมต่อถึงกัน
แนวคิดของ Polkadot ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในปี 2016 และเปิดตัวในปี 2020 โดยจะเป็นระบบที่ช่วยให้บล็อกเชนต่างๆ สามารถสื่อสารและถ่ายโอนข้อมูลและสินทรัพย์ผ่าน Relay Chain ส่วนกลางและ Parachain ต่างๆ ได้ อีกทั้ง Parachains เหล่านี้สามารถปรับแต่งคุณสมบัติของตนเพื่อวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงและออกโทเค็นของตัวเองได้ ในขณะที่ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับข้อได้เปรียบของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมและการทำงานร่วมกันของ Polkadot ได้
DOT ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของแพลตฟอร์ม มีบทบาทสำคัญในการจัดการและดำเนินงานกับระบบนิเวศที่เชื่อมต่อถึงกัน Polkadot มีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการปรับขนาด ความยืดหยุ่น ความง่ายในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ และความปลอดภัยโดยรวม ทำให้ Polkadot กลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในโลกบล็อกเชน หากผู้ใช้งานต้องการลงทุนใน Polkadot พวกเขาสามารถซื้อเหรียญ DOT ได้
5. Solana
Solana เป็นบล็อกเชนแบบโอเพ่นซอร์สที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับโปรเจกต์แบบกระจายอำนาจที่สามารถปรับขนาดได้
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 Solana ก็ได้มีการปรับปรุงแพลตฟอร์มไปมากมายหลายครั้ง ซึ่งรวมไปถึง การใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-History, Tower BFT, Turbine และ Gulf Stream พัฒนาการเหล่านี้ช่วยให้บล็อกเชน Solana สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากสูงสุดถึง 65,000 รายการต่อวินาที โดยมีระยะเวลาการสร้างบล็อกเพียง 400 มิลลิวินาที
SOL ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักของเครือข่าย มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานและการ Staking Solana เป็นหนึ่งในโปรโตคอลบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ในอันดับต้นๆ ซึ่งโฟกัสในเรื่องความสามารถในการปรับขนาดและการจัดลำดับธุรกรรมที่รวดเร็ว ในช่วงต้นปี 2024 เหรียญมีมบนเครือข่ายนี้กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งมีส่วนในการขับเคลื่อนให้เกิดตลาดกระทิง
6. Chainlink
Chainlink คือเครือข่ายออราเคิลแบบกระจายอำนาจที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชน ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ Smart Contract สามารถโต้ตอบกับแหล่งข้อมูลภายนอก เหตุการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง และ ระบบการชำระเงิน ได้อย่างราบรื่น
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2019 Chainlink ได้เชื่อมช่องว่างระหว่าง Smart Contract และ ข้อมูลนอกเครือข่ายที่จำเป็น ช่วยให้สามารถดำเนินการสัญญาเหล่านี้ได้โดยการอิงตามข้อมูลและเหตุการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง พวกเขาพึ่งพาการทำงานของเครือข่ายทั่วโลกของผู้ให้บริการโหนดแบบกระจายอำนาจ ผู้ซึ่งใช้เหรียญ LINK เพื่อรับรองความน่าเชื่อถือของข้อมูลภายนอกที่ถูกป้อนเข้าสู่บล็อกเชน
Chainlink ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยแบบพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่แบ่งปันกันระหว่างบล็อกเชนและระบบอื่นๆ สามารถเชื่อถือได้ มันมีบทบาทที่สำคัญในการเชื่อมโยงบล็อกเชนกับข้อมูลภายนอก ทำให้บล็อกเชนกลายเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานสำหรับภาคส่วนต่างๆ รวมถึง การเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) การประกันภัย เกม และอื่นๆ อีกมากมาย หากคุณสนใจ Chainlink คุณสามารถลงทุนใน LINK ซึ่งเป็นเหรียญหลักของเครือข่ายได้
7. Polygon
Polygon ซึ่งเดิมรู้จักกันในชื่อ Matic Network เป็นแพลตฟอร์มอเนกประสงค์ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาสถาปัตยกรรมของเครือข่ายบล็อกเชนที่เชื่อมต่อถึงกัน และมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาที่ Ethereum ต้องเผชิญ เช่น ความสามารถในการทำธุรกรรมที่จำกัด ประสบการณ์การใช้งานที่ต่ำกว่ามาตรฐานเนื่องจากการทำธุรกรรมที่ช้าและมีค่าใช้จ่ายที่สูง รวมถึง การกำกับดูแลชุมชนที่ไม่เพียงพอ
คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Polygon คือการนำ Sidechains ของเลเยอร์ 2 — ซึ่งเป็นบล็อกเชนเสริมที่ทำงานขนานกับเชน Ethereum หลัก — มาใช้งาน สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดได้เป็นอย่างมาก ทำให้การทำธุรกรรมรวดเร็วและมีความประหยัดมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Polygon ยังใช้กลไกฉันทามติ Proof-of-Stake (PoS) ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยให้ประมวลผลธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและรักษาต้นทุนให้ต่ำลงยิ่งกว่าเดิม
ความสำคัญของ Polygon อยู่ที่ความสามารถในการปรับปรุงการปรับขนาดและความเป็นมิตรกับผู้ใช้งานของ Ethereum ทำให้เป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้เหมาะสมมากขึ้นสำหรับทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้งาน มันได้กลายเป็นบ้านของ DApps จำนวนมากที่กำลังมองหาโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า หากคุณต้องการลงทุนใน Polygon คุณสามารถซื้อ MATIC เหรียญหลักของเครือข่ายได้
8. Ripple
Ripple ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเป็นระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล โดยมีเป้าหมายหลักในการช่วยให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็วและคุ้มค่า
Ripple แตกต่างจากบล็อกเชนทั่วไปที่ใช้งาน Proof-of-Work (PoW) หรือ Proof-of-Stake (PoS) Ripple ทำงานบนโปรโตคอลฉันทามติที่แตกต่างออกไป กลไกที่ไม่เหมือนใครนี้ได้รับการยกย่องในเรื่องความเร็วการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และที่สำคัญ กลไกดังกล่าวไม่จำเป็นต้องทำการขุด ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้เป็นอย่างมาก
ความสำคัญของ Ripple อยู่ที่กลยุทธ์ของพวกเขาที่ให้ความสำคัญกับการผสานรวมกับระบบธนาคารและสถาบันการเงิน วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินแบบข้ามพรมแดน สิ่งนี้ทำให้ Ripple กลายมาเป็นผู้เล่นหลักในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินทั่วโลกให้ทันสมัย ผู้ใช้งานที่ต้องการลงทุนใน Ripple ก็สามารถซื้อเหรียญ XRP ได้
9. BNB Smart Chain (BSC)
BNB Smart Chain (BSC) เป็นเครือข่ายบล็อกเชนแบบไดนามิกที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับแอปพลิเคชั่นที่มีการใช้งาน Smart Contracts คุณลักษณะสำคัญประการหนึ่งคือความสามารถในการทำงานไปพร้อมๆ กับ BNB Chain ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานมีข้อได้เปรียบ 2 ประการ ก็คือ ความสามารถจัดการธุรกรรมจำนวนมาก และ ฟังก์ชั่นการทำงานที่ซับซ้อนของ Smart Contracts เครือข่ายนี้ใช้กลไกฉันทามติที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งถูกเรียกว่า Proof-of-Stake-Authority (PoSA) ซึ่งช่วยให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
BSC ได้กลายเป็นตัวเลือกที่เป็นที่ต้องการอย่างรวดเร็วในชุมชนบล็อกเชน เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำและประสิทธิภาพที่สูง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ BSC เป็นสภาพแวดล้อมที่น่าดึงดูดสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (DApps) และสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ
เปรียบเทียบ โปรโตคอลบล็อกเชน ชั้นนำต่างๆ
บล็อกเชน | กลไกฉันทามติ | เหรียญ | TPS | ประเภทของเลเยอร์ |
---|---|---|---|---|
Bitcoin | Proof-of-Work (PoW) | BTC | 7 | Layer-1 |
Ethereum | Proof-of-Stake (PoS) | ETH | ~30 | Layer-1 |
Cardano | Ouroboros (PoS variant) | ADA | ~250 | Layer-1 |
Polkadot | Nominated Proof-of-Stake (NPoS) | DOT | 1000+ | Layer-0 |
Solana | Proof-of-History (PoH) | SOL | ~65,000 | Layer-1 |
Chainlink | Decentralized Oracle Network | LINK | ขึ้นอยู่กับ Ethereum | Layer-2 |
Polygon | Proof of-Stake (PoS) | MATIC | ~7,000 | Layer-2 |
Ripple | Proof-of-Stake (PoS) | XRP | ~1,500 | Layer-1 |
BNB Smart Chain | Proof of Staked Authority (PoSA) | BNB | ~100 | Layer-1 |
โปรโตคอลบล็อกเชน คืออะไร?
โปรโตคอลบล็อกเชน คือ หัวใจสำคัญของสกุลเงินดิจิทัล และเป็นสิ่งที่รับรองว่าธุรกรรมทั้งหมดจะมีความปลอดภัย โปร่งใส และ ไม่เปลี่ยนรูป ซึ่งหมายความว่าธุรกรรมดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบออกได้
เมื่อเราพูดถึงโปรโตคอลคริปโต เรากำลังหมายถึงระบบที่แตกต่างกันซึ่งถูกใช้งานโดยสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เช่น Bitcoin หรือ Ethereum เพื่อช่วยให้เครือข่ายมีความปลอดภัยและทำงานได้อย่างราบรื่น สกุลเงินดิจิทัลแต่ละตัวก็จะมีโปรโตคอลเฉพาะของตัวเอง
Smart Contracts คือ สัญญาที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองด้วยข้อตกลงที่ถูกกำหนดไว้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายซึ่งจะมีการเขียนเป็นโค้ดโดยตรง Smart Contracts เป็นคุณลักษณะสำคัญของโปรโตคอลบล็อกเชนจำนวนมาก ช่วยให้การทำธุรกรรมและแอปพลิเคชั่นมีความซับซ้อนได้มากยิ่งขึ้น
วิธีที่ง่ายที่สุดในการทำความเข้าใจเรื่องความสำคัญและขนาดของโปรโตคอลคริปโตก็คือ การดูว่ามีการใช้สกุลเงินดิจิทัลของตัวเองมากน้อยเพียงใด ตัวอย่างเช่น สำหรับบล็อกเชน Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลที่เรากำลังพูดถึงเรียกอีกอย่างว่า Bitcoin หรือมักจะเรียกสั้นๆ ว่า BTC
ณ วันที่ 29 มีนาคม 2024 Bitcoin ซึ่งเป็นบล็อคเชนและคริปโตตัวแรกๆ ยังคงมีความโดดเด่นมากที่สุด จากข้อมูลของ CoinMarketCap ส่วนแบ่งการตลาดของ Bitcoin อยู่ที่ 51.53% และเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีการซื้อขายมากที่สุด โดยมี Ether (ETH) มาเป็นอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 16.38%
อธิบายเกี่ยวกับเลเยอร์ของบล็อกเชน
ในระบบนิเวศบล็อกเชน เลเยอร์ที่แตกต่างกันสามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันได้ เลเยอร์ 1 หมายถึงสถาปัตยกรรมบล็อกเชนหลัก เช่น เครือข่าย Bitcoin หรือ Ethereum เป็นต้น
เมื่อผู้คนใช้บล็อกเชนมากขึ้น บล็อกเชนอาจจะเกิดความแออัดขึ้นได้ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น เวลาในการทำธุรกรรมที่ช้าลง และ ค่าแก๊ส — ต้นทุนในการทำธุรกรรมหรือดำเนินการตามสัญญาบนเครือข่าย Ethereum ให้เสร็จสิ้น — ที่สูงขึ้น
โซลูชั่นเลเยอร์ 2 สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยการทำงานบนบล็อกเชนเลเยอร์ 1 เพื่อปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาด — ความสามารถของเครือข่ายในการจัดการธุรกรรมจำนวนมากขึ้นได้อย่างรวดเร็วและประหยัด — โซลูชั่นเลเยอร์ 2 จะประมวลผลธุรกรรมแยกกัน จากนั้น จึงจะบันทึกธุรกรรมเหล่านั้นบนบล็อกเชนหลัก ซึ่งจะช่วยลดภาระและค่าธรรมเนียมลงได้
เชนเลเยอร์ 0 จะเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีและโปรโตคอลที่เป็นรากฐานของระบบนิเวศบล็อกเชน เลเยอร์นี้จะประกอบไปด้วย โปรโตคอลเครือข่าย อุปกรณ์ทางกายภาพ และ องค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมาย
สนใจในเรื่องเลเยอร์ใช่หรือเปล่า ลองเข้าไปดูบทความของเราได้ที่ Layer 1 คืออะไร มันต่างกับ Layer 2 ยังไง [2024] และ Layer 2 คืออะไร สำคัญยังไงกับบล็อกเชน ได้เลย!
กลไกฉันทามติ
ธุรกรรมต่างๆ จะได้รับการตรวจสอบบนบล็อกเชนด้วยอัลกอริธึมฉันทามติ ประเภทที่พบบ่อยที่สุดคือ Proof-of-Work (PoW) และ Proof-of-Stake (PoS)
Proof-of-Work ซึ่งถูกใช้โดยเครือข่าย Bitcoin จะเกี่ยวข้องกับการขุดสกุลเงินดิจิทัล ในระหว่างกระบวนการขุด นักขุดจะต้องแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเพื่อทำการตรวจสอบธุรกรรม อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ใช้พลังงานเป็นอย่างมาก ในทางกลับกัน Proof-of-Stake (PoS) เป็นวิธีการประหยัดพลังงานมากกว่า ใน PoS เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้อง (Validators) จะถูกเลือกตามจำนวนสกุลเงินดิจิทัลที่พวกเขามี และพร้อมที่จะ Stake หรือล็อกเอาไว้เพื่อที่จะช่วยในการรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่าย
ความสัมพันธ์ระหว่าง “บล็อกเชน” และ “สกุลเงินดิจิทัล”
‘สกุลเงินดิจิทัล’ จะทำหน้าที่เป็น ‘เหรียญหรือโทเค็นดิจิทัล’ ที่ทำงานภายในเครือข่ายบล็อกเชนเป็นหลัก ในระบบบล็อกเชน เช่น เครือข่าย Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลจะมีความสำคัญในการใช้เพื่อเป็นรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมที่ช่วยดูแลเครือข่าย หรือที่เรียกกันว่า ‘นักขุด’ นักขุดเหล่านี้ใช้พลังการคำนวณเพื่อตรวจสอบธุรกรรมและเพิ่มบล็อกใหม่ให้กับบล็อกเชน และเพื่อตอบแทนความพยายามของพวกเขา พวกเขาก็ได้รับรางวัลเป็นสกุลเงินดิจิทัล
ในทำนองเดียวกัน ในบล็อกเชนที่ใช้กลไกฉันทามติ Proof-of-Stake (PoS) ผู้เข้าร่วมจะถูกเรียกว่า Stakers จะล็อก (Stake) สกุลเงินดิจิทัลบางส่วนไว้ในเครือข่าย จากนั้น พวกเขาจะถูกเลือกเพื่อตรวจสอบธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่โดยอิงจากจำนวนคริปโตที่พวกเขาถือไว้และยินดีจะล็อกเอาไว้ วิธีนี้จะช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยเครือข่าย ประมวลผลธุรกรรม และให้รางวัลแก่ผู้เข้าร่วมที่ช่วยรักษาความสมบูรณ์ของบล็อกเชน
โปรโตคอลคริปโต: ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน
โปรโตคอลบล็อกเชนเปรียบเสมือนกฎเกณฑ์สำหรับวิธีการจัดการข้อมูลบนเครือข่ายบล็อกเชน แต่ละโปรโตคอลก็จะมีวิธีการและอัลกอริธึมพิเศษที่แตกต่างกันออกไป เพื่อรักษาข้อมูลให้ปลอดภัย โปร่งใส และอัพเดตอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม โปรโตคอลเหล่านี้ก็มีบางอย่างที่เหมือนกันอยู่ ก็คือ การใช้งานสกุลเงินดิจิทัลหลักของเครือข่าย — เหรียญหรือโทเค็น — เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนระบบนิเวศ
หากคุณกำลังวางแผนที่จะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลหลักของโปรโตคอลบล็อกเชนชั้นนำ โปรดจำไว้ว่าสินทรัพย์ที่มีการกระจายอำนาจเหล่านี้อาจจะมีความผันผวนได้ คุณควรเลือกแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยเพื่อทำธุรกรรมและกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีชื่อเสียงเพื่อจัดเก็บทรัพย์สินของคุณเสมอ และอย่าลงทุนมากไปกว่าที่คุณยินดีจะสูญเสียไปได้
คำถามที่พบบ่อย
โปรโตคอลใดที่ดีที่สุดในโลกคริปโต?
โปรโตคอลคริปโตคืออะไร?
โปรโตคอลคริปโตเลเยอร์ 3 คืออะไร?
เครือข่ายบล็อกเชน 4 ประเภทคืออะไร?
โปรโตคอลบล็อกเชนที่ดีที่สุดคือโปรโตคอลใด?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์