‘การซื้อขายเลเวอเรจคริปโต’ เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนให้ได้มากที่สุด ในบทความนี้ เราจะไปสำรวจความซับซ้อนของการใช้กลยุทธ์การซื้อขายคริปโตด้วยเลเวอเรจ เทคนิคในการจัดการความเสี่ยง และโอกาสในการทำกำไรระยะสั้นจากสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin และ Ethereum รวมไปถึง การแนะนำรายชื่อของแพลตฟอร์ม “การซื้อขายเลเวอเรจคริปโต” ที่ดีที่สุดในปี 2024 อีกด้วย
เราจะช่วยให้คุณเข้าใจพื้นฐานของการซื้อขายคริปโต ตั้งแต่ การมองหากระดานเทรดที่เหมาะกับคุณ ไปจนถึง การเปิดบัญชีบนกระดานเทรดดังกล่าว ไม่ต้องห่วง เรารวบรวมทุกอย่างมาไว้ให้คุณแล้วที่นี่!!
แนวทางที่เราใช้เลือกแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด
BeInCrypto ได้ทำการทดสอบแพลตฟอร์มคริปโตทั้งหมดในบทความนี้อย่างละเอียดเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน ทีมงานของเราได้ทำการสำรวจทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแพลตฟอร์ม, โปรโตคอลความปลอดภัย, เทคโนโลยีที่พวกเขาใช้, สินทรัพย์ดิจิทัลที่พวกเขารองรับ ไปจนถึง ความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง ข้อมูลทั้งหมดนี้ได้รับการประเมินอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขาจะสามารถสนองความต้องการของเทรดเดอร์ที่ต้องการทำการซื้อขายคริปโตด้วยเลเวอเรจได้ในทุกๆ ระดับ
นี่คือภาพรวมของเหตุผลที่เราใช้พิจารณาในการเลือกแพลตฟอร์มเหล่านี้มาไว้ในลิสต์นี้
Coinbase มีอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล พวกเขาเป็นที่รู้จักในเรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถไว้วางใจในแพลตฟอร์มนี้ได้ ถึงแม้ว่าตัวเลือกในการใช้เลเวอเรจของพวกเขาอาจจะไม่สูงมาก (สูงสุดเพียง 10 เท่า) แต่นี่ก็เป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ นอกจากนี้ พวกเขายังมีแหล่งข้อมูลการศึกษาที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายและการบริหารความเสี่ยงได้
บัญชีมาร์จิ้นแบบดั้งเดิมของ Kraken คือสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ในระยะสั้น เนื่องจากมีข้อกำหนดมาร์จิ้นขั้นต่ำที่ต่ำและรองรับสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลาย แม้ว่าค่าธรรมเนียมเลเวอเรจจะสูงกว่าเล็กน้อย แต่มาตรฐานความปลอดภัยและการที่แพลตฟอร์มรองรับการใช้งานทั้งแบบ Limit Order และ Market Order ก็ทำให้พวกเขาเป็นตัวเลือกที่มีความน่าเชื่อถือ
KuCoin ได้รับเลือกให้อยู่ในลิสต์นี้เนื่องจากตลาดเลเวอเรจโทเค็นของพวกเขาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถซื้อขายได้โดยไม่จำเป็นต้องกู้ยืมเงิน และมีสกุลเงินดิจิทัลให้บริการอย่างหลากหลายทั้งการซื้อและขาย ด้วยอินเทอร์เฟสที่เรียบง่ายและตัวเลือกเลเวอเรจที่สามารถปรับแต่งได้ แพลตฟอร์มนี้จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ทุกประเภท
MEXC เข้ามาอยู่ในลิสต์นี้เนื่องจากพวกเขาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้เลเวอเรจได้สูงสุดถึง 200 เท่า มีตลาดฟิวเจอร์สที่มีเลเวอเรจที่หลากหลาย และมีสภาพคล่องสูง ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับการซื้อขายขนาดใหญ่ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ด้วยอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่ายและการที่ไม่บังคับให้ต้องผ่านกระบวนการ KYC ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัว
OKX ได้รับความนิยมเนื่องจากพวกเขามีตัวเลือกสำหรับการซื้อขายออปชั่น — เช่น วันครบกำหนดหรือราคาใช้สิทธิ — มากมาย ควบคู่ไปกับตลาดที่มีเลเวอเรจอื่นๆ เช่น ฟิวเจอร์สแบบถาวร นอกจากนี้ พวกเขายังรองรับสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน
Bybit ได้รับความนิยมในเรื่องสภาพคล่องที่สูง, สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจให้เลือกอย่างหลากหลาย รวมถึงสัญญาฟิวเจอร์สแบบถาวรและสัญญาผกผัน เป็นต้น พวกเขายังให้เลเวอเรจที่สูงมาก สูงสุดถึง 125 เท่าสำหรับ Bitcoin และมีค่าธรรมเนียมที่ทำ ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์จำนวนมาก รวมถึง มือใหม่ในเรื่องการเทรดด้วยการใช้เลเวอเรจด้วย
Binance โดดเด่นเนื่องจากรองรับสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลาย (มากกว่า 400 สกุล), ตัวเลือกเลเวอเรจที่กว้างขวาง, และบริการการซื้อขายที่ครอบคลุม เช่น ฟิวเจอร์สแบบถาวรและเลเวอเรจออปชั่น แพลตฟอร์มนี้มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ มีความปลอดภัยสูง และสภาพคล่องที่สูง ทำให้พวกเขาเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ สำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์สูง
โดยรวมแล้ว แพลตฟอร์มทั้งหมดเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการทำการซื้อขายคริปโตด้วยเลเวอเรจ เพราะมันสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้ ไม่ว่าจะเป็นเลเวอเรจที่สูง ผลิตภัณฑ์การซื้อขายที่หลากหลาย มาตรการความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างง่ายดาน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบของ BeInCrypto ได้ที่นี่
[สารบัญ]
7 แพลตฟอร์ม ‘การซื้อขายเลเวอเรจคริปโต’ ที่ดีที่สุดในปี 2024
1. Coinbase
Coinbase เป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสำหรับการซื้อขายเลเวอเรจคริปโต เนื่องจากพวกเขาได้รับการยอมรับในเรื่องความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวด ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ
นอกจากนี้ CEX ระดับชั้นนำรายนี้ยังมีผลิตภัณฑ์และบริการมากมาย รวมไปถึง ฟีเจอร์ใหม่ๆ และคู่การซื้อขายที่หลากหลาย แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์ขั้นสูง นำเสนอสื่อการเรียนรู้สำหรับผู้เริ่มต้นเครื่องมือขั้นสูงสำหรับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์มากเพียงพอแล้ว
ด้วยคะแนนที่สูงทั้งในด้านความปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ Coinbase จึงโดดเด่นในฐานะตัวเลือกที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้การซื้อขายด้วยเลเวอเรจในตลาดสกุลเงินดิจิทัล
– ฟิวเจอร์ส
– ฟิวเจอร์สแบบถาวร
- กระดานเทรดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและมีการกำกับดูแลทั่วโลก
- รองรับสินทรัพย์มากกว่า 10,000 รายการสำหรับการซื้อขาย
- รางวัลด้านการศึกษา: มีโปรแกรมมอบรางวัลสำหรับการเรียนรู้ที่ผู้ใช้งานจะสามารถรับคริปโตได้หลังจากจบหลักสูตรการศึกษา
- ให้การสนับสนุนลูกค้าอย่างรวดเร็ว
- ตัวเลือกสำหรับการซื้อขายขั้นพื้นฐานและขั้นสูง
- บัตรเดบิต Coinbase
- โครงสร้างค่าธรรมเนียมอาจจะซับซ้อนและแตกต่างกันไปตามกิจกรรมต่างๆ
- ฟีเจอร์และสินทรัพย์บางอย่างอาจจะไม่สามารถใช้งานได้ในทุกประเทศ
- มีระดับเลเวอเรจที่ต่ำเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ
– Coinbase เป็นหนึ่งในกระดานเทรดที่มีชื่อเสียงและได้รับการกำกับดูแลมากที่สุดทั่วโลก รับประกันสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฏหมาย
– แพลตฟอร์มนี้รองรับสินทรัพย์เพื่อการซื้อขายมากกว่า 10,000 รายการ รวมถึง สกุลเงินดิจิทัลชั้นนำต่างๆ เช่น Bitcoin, Ethereum, Dogecoin และ Ripple เพื่อรองรับความต้องการของเทรดเดอร์ที่หลากหลาย
– Coinbase มีโปรแกรม Learning Rewards ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งผู้ใช้งานสามารถรับสกุลเงินดิจิทัลโดยหลังจบหลักสูตรการศึกษา ทำให้มันเป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล
– มีแพลตฟอร์มการซื้อขายทั้งแบบเรียบง่ายและขั้นสูง รองรับทั้งเทรดเดอร์หน้าใหม่และมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูง
– บัตรเดบิต Coinbase ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้จ่ายเป็นสกุลเงินดิจิทัลและรับรางวัลเป็นสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ได้ ผสมผสานการเงินในชีวิตประจำวันเข้ากับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
– ผู้ใช้งานสามารถรับรางวัลสูงถึง 10% จากการ Staking มอบโอกาสในการสร้างร Passive Income ได้จากสกุลเงินดิจิทัลที่พวกเขาถือครองอยู่
– Coinbase Wallet รองรับโทเค็นนับแสนและมีฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย เช่น การซื้อขาย การสวอป การ Staking และการกู้ยืมข้ามเครือข่าย ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมสำหรับการจัดการสินทรัพย์คริปโต
– Coinbase Advanced ซึ่งมาแทนที่ Coinbase Pro ช่วยมอบสภาพคล่องเชิงลึก, Order Book แบบเรียลไทม์, และค่าธรรมเนียมที่ต่ำซึ่งเหมาะสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ
– มาพร้อมกับเครื่องมือขั้นสูง เช่น แผนภูมิ TradingView, API ความเร็วสูง, และประเภทคำสั่งซื้อขายที่ซับซ้อน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการตัดสินใจในการซื้อขายเชิงกลยุทธ์
– แสดงผลยอดคงเหลือแบบครบวงจรสำหรับการซื้อขาย, รับ, ใช้จ่าย, ส่ง, และยืม ทำให้การจัดการสินทรัพย์คริปโตง่ายยิ่งขึ้น
– เปิดให้บริการในกว่า 170 ประเทศและรองรับ 20 ภาษา ทำให้มันเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลกสำหรับการซื้อขายคริปโต
2. Kraken
Kraken เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบบัญชีมาร์จิ้นแบบคลาสสิกซึ่งเหมาะสำหรับการซื้อขายระยะสั้น โดนต้องการมาร์จิ้นเพียง 20% ซึ่งเท่ากับเลเวอเรจ 5 เท่า แพลตฟอร์มนี้รองรับสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลายมากกว่า 200 สกุล เช่น Bitcoin, Ethereum, Cardano, Dash, Solana, Arbitrum และ Dogecoin ฯลฯ และยังรองรับทั้ง Limit Order และ Market Order รวมถึง การขายชอร์ตสำหรับผู้ที่คาดการณ์ว่าราคาจะลดลงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียเปรียบของ Kraken คือต้นทุนเลเวอเรจที่ค่อนข้างสูง พวกเขาจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 0.02% จากมูลค่าของการซื้อขายมาร์จิ้นที่เปิดอยู่ทุกๆ 4 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการเปิดและปิดการซื้อขายเหล่านี้อีกด้วย ค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตั้งแต่ 0.01% ถึง 0.02% ขึ้นอยู่กับสกุลเงินดิจิทัลที่เลือกเทรด
นอกจากนี้ Kraken ยังนำเสนอตลาดฟิวเจอร์สสำหรับสกุลเงินดิจิทัล 95 สกุล ซึ่งคุณสามารถซื้อขายด้วยเลเวอเรจได้สูงถึง 50 เท่า โดยมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำสุดเพียง 0.05% ของขนาดตำแหน่ง รวมถึงการยกเว้นค่าโรลโอเวอร์ ซึ่งแตกต่างจากบัญชีซื้อขายมาร์จิ้น
– บัญชีซื้อขายมาร์จิ้น (ค่าธรรมเนียมการเปิด/ปิด 0.01% ถึง 0.02% บวกค่าธรรมเนียมโรลโอเวอร์ 0.02% ทุก 4 ชั่วโมง)
– เลเวอเรจฟิวเจอร์ส (0.05% และไม่มีค่าธรรมเนียมโรลโอเวอร์)
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
- ตัวเลือกการซื้อขายที่หลากหลาย
- เครื่องมือการซื้อขายขั้นสูง
- สกุลเงินดิจิทัลและคู่การซื้อขายที่หลากหลาย
- ข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ (สำหรับลูกค้าในสหรัฐฯ บางบริการจะไม่มีให้บริการในบางรัฐ)
- อินเทอร์เฟสมีความซับซ้อน
- การถอนมีความล่าช้า
- กระบวนการ KYC (Know Your Customer) ที่เข้มงวดกว่าปกติ
– ตัวเลือกการซื้อขายที่หลากหลาย รวมถึงการซื้อขายแบบสปอต มาร์จิ้น และฟิวเจอร์ส เหมาะสำหรับกลยุทธ์การซื้อขายและระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน
– มีคุณสมบัติการซื้อขายที่ซับซ้อน, อินเทอร์เฟสที่สามารถปรับแต่งได้, และการวิเคราะห์กราฟเพื่อรองรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
– ปฏิบัติตามมาตรฐานการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ช่วยเพิ่มความน่าไว้วางใจและความน่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก
– ใช้งานโปรโตคอลความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เช่น การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน และ การจัดเก็บสินทรัพย์แบบออฟไลน์เพื่อปกป้องทรัพย์สินของผู้ใช้งาน
– ระดับค่าธรรมเนียมที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ซึ่งจะลดลงตามปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่
– มีให้บริการในหลายภูมิภาคทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากสามารถเข้าถึงบริการของพวกเขาได้
– รองรับสกุลเงินดิจิทัลและคู่การซื้อขายมากกว่า 230 รายการ มอบโอกาสในการซื้อขายที่หลากหลายให้แก่ผู้ใช้งาน
– ให้บริการตลาดซื้อขาย NFT ที่ไม่เรียกเก็บค่าแก๊ส ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์การซื้อขายให้กับเหล่านักสะสมและนักเทรด NFT
– แม้ว่าจะถูกจำกัดการใช้งานในบางพื้นที่ แต่ก็มีบริการ Staking ที่ผู้ใช้งานสามารถรับผลตอบแทนจากสกุลเงินดิจิทัลที่พวกเขาถือครองอยู่ได้
– มีสื่อการศึกษาและการสนับสนุนเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานใหม่สามารถทำความเข้าใจในเรื่องความซับซ้อนของการซื้อขายคริปโตได้
3. KuCoin
KuCoin เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการชำระบัญชี พวกเขาให้บริการตลาดที่มีเลเวอเรจในตัว ดังนั้น คุณจึงไม่ต้องกู้ยืมเนื่องจากตัวแพลตฟอร์มสร้างตลาดเหล่านี้เอง นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังรองรับสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมที่หลากหลาย เช่น Bitcoin, Ethereum, Bitcoin Cash, Solana และ Arbitrum ซึ่งพร้อมสำหรับการซื้อขาย และคุณยังสามารถเลือกเดิมพันได้ว่าราคาของมันจะขึ้นหรือลง
KuCoin นำเสนอตัวเลือกระดับเลเวอเรจที่ 2 หรือ 3 เท่า โดยเลเวอเรจจริงจะแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่ง Long และ Short ของตลาด ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันตลาด Long 3 เท่าของ Ethereum จะให้เลเวอเรจอยู่ที่ 2.992 เท่า นอกเหนือจากโทเค็นที่มีเลเวอเรจแล้ว KuCoin ยังให้บริการแก่ผู้ที่สนใจคริปโตฟิวเจอร์สอีกด้วย
แพลตฟอร์มนี้มีสัญญาให้เลือกเทรดมากกว่า 245 สัญญา ซึ่งครอบคลุมทั้งตลาดที่ชำระด้วย USDT และ USDC รวมถึงตลาดสัญญาผกผัน ทำให้สามารถชำระหนี้ด้วยสกุลเงินดิจิทัลที่กำหนดได้ บน KuCoin คุณสามารถรับเลเวอเรจได้สูงสุด 100 เท่า โดยมีค่าธรรมเนียมเริ่มต้นสำหรับ Market Taker อยู่ที่ 0.06% และจะลดลงเพิ่มเติมได้หากมีปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น
– ตลาดโทเค็นที่มีเลเวอเรจในตัวโดยไม่ต้องมีการกู้ยืมหรือชำระบัญชี
– ฟิวเจอร์ส รวมถึงสัญญาถาวรและสัญญาผกผัน สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับจะขึ้นอยู่กับประเภทสัญญา
- ตัวเลือกสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลาย
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำ
- UI ที่ใช้งานได้ง่าย
- คุณสมบัติการซื้อขายขั้นสูง
- มาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
- KuCoin Earn
- การสนับสนุนหลายภาษา
- เคยถูกละเมิดความปลอดภัยในอดีต
- ตัวเลือกในการซื้อสกุลเงินดิจิทัลด้วยสกุลเงินเฟียตน้อยกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ
– รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 770 สกุลเงินและคู่การซื้อขาย 1,300 คู่ มอบโอกาสในการซื้อขายที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งาน
– เปิดให้บริการในกว่า 190 ประเทศ รองรับฐานผู้ใช้งานจำนวนมากและหลากหลาย
– มีบริการการซื้อขายแบบสปอต การซื้อขายมาร์จิ้น การซื้อขายฟิวเจอร์ส และเลเวอเรจโทเค็น ซึ่งรองรับกลยุทธ์การซื้อขายที่หลากหลาย
– ช่วยให้กสามารถทำการซื้อขายแบบอัตโนมัติได้โดยการใช้บอทเทรดประเภทต่างๆ เช่น กริด ฟิวเจอร์ส และบอท DCA
– มีความโปร่งใสจากการเผยแพร่รายงานหลักฐานของเงินสำรอง (Proof-of-Reserves) ซึ่งแสดงว่าเงินทุนของผู้ใช้งานมีความปลอดภัย
– เป็นที่รู้จักในเรื่องแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์
– เสนอโอกาสในการสร้างรายได้จากบริการที่หลากหลาย เช่น การ Staking การออม และผลิตภัณฑ์การหารายได้แบบมีโครงสร้างอื่น ๆ
– ค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ พร้อมส่วนลดเพิ่มเติมสำหรับการถือโทเค็น KuCoin (KCS) และมีปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น
– ใช้มาตรฐาน KYC และ AML เพื่อรับรองความปลอดภัยและความถูกต้องตามกฎหมายของฐานผู้ใช้งาน
– ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง รวมถึง การเข้ารหัส การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน มาตรฐานการป้องกันการหลอกลวง และไวท์ลิสต์สำหรับที่อยู่ที่อนุญาตให้ทำการถอนได้
– กระเป๋าเงิน Web3 ที่ครอบคลุมสำหรับการซื้อขาย การจัดเก็บ NFT และการติดตามพอร์ต DeFi
– มีช่องทางการสนับสนุนที่หลากหลาย รวมถึง Live Chat, ศูนย์ช่วยเหลือ, และ ระบบทิคเก็ตเพื่อตอบข้อสงสัยของผู้ใช้งาน
– ผู้ใช้งานใหม่สามารถรับรางวัลได้จากการทำภารกิจต่างๆ ให้สำเร็จ เช่น การฝากเงินครั้งแรก หรือ ทำการซื้อขายครั้งแรก
– การให้กู้ยืมแบบวีไอพี การสนับสนุนผู้ดูแลสภาพคล่อง และการให้รางวัลสำหรับผู้ใช้งานสถาบัน
– ปฏิบัติตามมาตรฐาน KYC และ AML ระดับโลก เพื่อช่วยเพิ่มความน่าไว้วางใจและความน่าเชื่อถือ
4. MEXC
MEXC เป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ สำหรับการซื้อขายคริปโตด้วยเลเวอเรจ MEXC เป็นหนึ่งในกระดานเทรดที่คึกคักที่สุด โดยมีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ความพิเศษอย่างหนึ่งของพวกเขาคือการนำเสนอสัญญาคริปโตฟิวเจอร์แบบที่ไม่มีวันหมดอายุ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะเลเวอเรจไว้ได้นานตราบเท่าที่พวกเขาต้องการ
ด้วยเลเวอเรจสูงสุดถึง 200 เท่า MEXC ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้เงินทุนที่ 100 ดอลลาร์เพื่อทำการซื้อขายที่มีมูลค่าถึง 20,000 ได้ พวกเขามีตลาดเลเวอเรจฟิวเจอร์สที่หลากหลาย รวมถึง Altcoins หลักๆ เช่น Ethereum, Tether, Solana, Gala, Axie Infinity และ ApeCoin เป็นต้น
แพลตฟอร์มนี้รองรับทั้งกลยุทธ์แบบ Long และ Short ซึ่งหมายความว่า ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำกำไรได้แม้ในช่วงที่ตลาดตกต่ำ สภาพคล่องที่น่าประทับใจของแพลตฟอร์ม MEXC และความสามารถในการประมวลผลคำสั่งซื้อสูงสุด 1.4 ล้านคำสั่งต่อวินาที ทำให้ MEXC มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ พวกเขายังมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ โดยเรียกเก็บเพียง 0.02% ต่อธุรกรรมสำหรับการซื้อขายฟิวเจอร์สแบบเลเวอเรจ
สำหรับผู้ที่มีส่วนร่วมในการซื้อขายแบบสปอต MEXC จะไม่มีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นแต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าจะไม่มีการบังคับให้ผ่านกระบวนการ KYC แต่ขั้นตอนดังกล่าวก็จำเป็นสำหรับการฝากเงินเฟียต หรือ เมื่อมีปริมาณการซื้อขายในช่วง 24 ชั่วโมงเกินกว่า 80 BTC นอกจากนี้ สิ่งสำคัญก็คือ แพลตฟอร์ม MEXC จะไม่สามารถเข้าใช้งานได้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
– ฟิวเจอร์สแบบถาวรสำหรับ Bitcoin, Ethereum, และ Altcoins ยอดนิยมหลายๆ ตัว
- เปิดให้บริการทั่วโลก
- รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากมาย
- ความสามารถในการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว
- ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ
- ส่วนลดสำหรับผู้ถือโทเค็นของแพลตฟอร์ม
- มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
- แหล่งข้อมูลด้านการศึกษา
- ข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ (ไม่เปิดให้บริการในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา)
- นโยบาย KYC เข้มงวดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกระดานเทรดอื่นๆ
- มีประวัติเรื่องความปลอดภัยในอดีต
- อินเตอร์เฟสที่ซับซ้อน
- ตัวเลือกสกุลเงินเฟียตที่จำกัด
– MEXC ให้บริการผู้ใช้งานในกว่า 170 ประเทศ โดยมีตลาดที่หลากหลายเหมาะสำหรับกลยุทธ์การซื้อขายแตกต่างกันออกไป
– รองรับเหรียญมากกว่า 1,900+ เหรียญ ช่วยมอบโอกาสในการซื้อขายที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งาน
– ความสามารถในการจัดการธุรกรรมมากกว่า 1.4 ล้านธุรกรรมต่อวินาที ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การซื้อขายที่ราบรื่น
– นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย รวมถึงสปอต อนุพันธ์ และเลเวอเรจ ETF เพื่อตอบสนองความต้องการในการซื้อขายที่แตกต่างกัน
– เป็นที่รู้จักในเรื่องค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำ ทำให้มีความคุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ทำการซื้อขายอยู่เป็นประจำ
– การถือครองโทเค็น MX มอบสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น ส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และการเข้าถึงคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
– มีเว็บอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์
– ใช้โปรโตคอลการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อความปลอดภัยของเงินทุนและข้อมูลของผู้ใช้งาน
– ผู้ใช้งานใหม่มีโอกาสได้รับโบนัสการซื้อขายฟิวเจอร์สมูลค่าสูงสุดถึง 1,000 USDT
– มาพร้อมกับสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณค่าและข้อมูลเชิงลึกของตลาดเพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อขายอย่างชาญฉลาด
5. OKX
OKX โดดเด่นในฐานะแพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับการซื้อขายคริปโตด้วยเลเวอเรจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับออปชั่น แม้ว่าปัจจุบันจะรองรับเฉพาะ Bitcoin และ Ethereum เท่านั้นก็ตาม แพลตฟอร์มนี้มีตัวเลือกสัญญาออปชั่นที่ครอบคลุม เช่น วันหมดอายุและราคาใช้สิทธิที่หลากหลายสำหรับวันครบกำหนดไถ่ถอนแต่ละวัน
นอกจากออปชั่นแล้ว OKX ยังเสนอการซื้อขายเลเวอเรจสำหรับตลาดอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งรวมถึง ฟิวเจอร์สถาวรและบัญชีมาร์จิ้น ครอบคลุมสกุลเงินดิจิทัลที่มีให้เลือกอยู่มากมาย ตั้งแต่ Polygon และ XRP ไปจนถึง Solana, Dogecoin, Aave และ Cardano
ในเรื่องข้อจำกัดของเลเวอเรจ OKX ให้เลเวอเรจสูงสุด 20 เท่าในโหมด “Full Liquidation” ในโหมดนี้ ตำแหน่งทั้งหมดของคุณจะถูกชำระบัญชี หากมันลดลงไปตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด
โหมด “Partial Liquidation” สามารถเพิ่มเลเวอเรจของคุณได้มากถึง 100 เท่า ค่าธรรมเนียมสำหรับสัญญาซื้อขายฟิวเจอร์สถาวรอยู่ที่ 0.05% ต่อธุรกรรม ในขณะที่ค่าธรรมเนียมออปชันเริ่มต้นที่ 0.03%
– ตลาดออปชั่นสำหรับ Bitcoin และ Ethereum
– ฟิวเจอร์แบบถาวร
– บัญชีมาร์จิ้น
- เปิดให้บริการทั่วโลก
- มีความปลอดภัยสูง
- ตัวเลือการซื้อขายขั้นสูงมากมาย
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำ
- ผลิตภัณฑ์และบริการมากมาย
- UI ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน
- การสนับสนุนลูกค้าที่ล่าช้า
- การถูกตรวจสอบในเรื่องกฏระเบียบ
- ระบบค่าธรรมเนียมหลายระดับ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับบางคน แต่ก็อาจจะซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้ใช้งานใหม่
– ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการสกุลเงินดิจิทัลและ Private Keys ได้โดยตรงภายในแพลตฟอร์มด้วยกระเป๋าเงินของแพลตฟอร์ม
– รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 300 สกุลเงินและคู่การซื้อขายมากกว่า 500 คู่ ซึ่งมอบโอกาสในการซื้อขายที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งาน
– กลยุทธ์ DeFi ที่หลากหลาย เช่น การ Staking โทเค็นคริปโต และ การเข้าร่วมกลุ่มการขุดเพื่อสร้าง Passive Income
– อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมโดยตรงระหว่างผู้ใช้งาน ทำให้พวกเขาสามารถซื้อและขายสกุลเงินดิจิทัลจากกันและกันได้
– บัญชีทดลองที่ให้ผู้ใช้งานสามารถฝึกฝนการซื้อขายฟิวเจอร์สได้โดยไม่ต้องเสี่ยงใช้เงินจริง
– ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วโดยใช้สกุลเงินเฟียต
– ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อสกุลเงินดิจิทัลผ่านผู้ให้บริการบุคคลที่ 3 เช่น Banxa และ Xanpool ได้
– แพลตฟอร์มสำหรับการลงทุนในโปรเจกต์ Web3 และบล็อกเชนต่างๆ ในระยะเริ่มต้น
– มีเครื่องมือสำหรับการแปลงค่าระหว่างสกุลเงินดิจิทัลอย่างง่ายดาย รวมถึง การแปลงสกุลเงินเฟียตเป็นสกุลเงินดิจิทัลด้วย
– เสริมความปลอดภัยด้วยระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน รวมถึง การยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์และลายนิ้วมือของอุปกรณ์
– ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถมีส่วนร่วมในการซื้อขายนอกตลาด (OTC) ก่อนการเปิดตัวโทเค็นใหม่อย่างเป็นทางการ
– รองรับคำสั่ง One Cancels the Other (OCO) ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางคำสั่ง 2 คำสั่งพร้อมกันและดำเนินการหนึ่งคำสั่งตามเงื่อนไขของตลาดได้
– แสดง Proof-of-Reserves เพื่อให้เห็นว่าสินทรัพย์ของผู้ใช้งานได้รับการสนับสนุนแบบ 1:1 ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความไว้วางใจอีกระดับหนึ่ง
– รองรับสกุลเงินเฟียตมากกว่า 50 สกุลเงินและวิธีการชำระเงินมากกว่า 70 วิธี รวมถึง P2P, บัตรธนาคาร, การโอนเงินผ่านธนาคาร และ SEPA เป็นต้น
– ให้บริการเลเวอเรจโทเค็นซึ่งไม่จำเป็นต้องมีหลักประกันหรือการบำรุงรักษามาร์จิ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการชำระบัญชีได้
6. Bybit
Bybit โดดเด่นในฐานะผู้เล่นรายสำคัญในตลาดการซื้อขายเลเวอเรจคริปโต โดยมีมูลค่าการซื้อขายอนุพันธ์มากกว่า 37 ล้านดอลลาร์ภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (ณ วันที่ 14 มีนาคม 2024) ซึ่งหมายความว่า พวกเขามีสภาพคล่องจำนวนมากที่หมุนเวียนอยู่บนแพลตฟอร์ม แพลตฟอร์มนี้มีตัวเลือกการซื้อขายแบบเลเวอเรจที่หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึง ฟิวเจอร์สแบบถาวร โดยที่ Bitcoin มีระดับเลเวอเรจสูงถึง 125 เท่า
แม้ว่า Bybit จะรองรับสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำอื่นๆ เช่น Ethereum, Solana, Dogecoin และ XRP แต่มันก็จะมีขีดจำกัดของเลเวอเรจที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ คริปโตฟิวเจอร์สแบบดั้งเดิมก็มีให้บริการอยู่ด้วยเช่นกัน แต่จะจำกัดอยู่เพียงเฉพาะ Bitcoin และ Ethereum เท่านั้น โดยมีวันสิ้นสุดสัญญาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 ถึงมิถุนายน 2024
นอกจากนี้ Bybit ยังขึ้นชื่อในเรื่องสัญญา “ผกผัน” อีกด้วย ซึ่งแตกต่างจากฟิวเจอร์สทั่วไปเนื่องจากมันจะถูกจัดการและชำระในสกุลเงินดิจิทัลจริงๆ แทนที่จะเป็น USDT ค่าธรรมเนียมของ Bybit นั้นค่อนข้างต่ำ โดยเริ่มต้นที่ 0.055% สำหรับฟิวเจอร์ส และ 0.02% สำหรับออปชั่น สำหรับการซื้อขายแบบสปอตนั้น ผู้ดูแลสภาพคล่องจะถูกเรียกเก็บเงินเพียง 0.1% ต่อธุรกรรม
– ฟิวเจอร์สแบบถาวรที่ได้รับการสนับสนุนจาก USDT
– ฟิวเจอร์สและออปชั่นแบบดั้งเดิมซึ่งครอบคลุมทั้ง Bitcoin และ Ethereum
– สัญญาผกผัน
- ระดับเลเวอเรจที่สูง
- กระดานเทรดอนุพันธ์ขั้นสูง
- ความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูง
- มาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
- แหล่งข้อมูลด้านการศึกษาที่ครอบคลุม
- เปิดให้บริการทั่วโลก
- ค่อนข้างซับซ้อนสำหรับมือใหม่
- มีข้อกังวลด้านกฎระเบียบ
- มีปัญหาด้านการสนับสนุนลูกค้า
- ไม่มีให้บริการในบางภูมิภาค เช่น สหรัฐอเมริกา และ บางรัฐของแคนาดา
– จดทะเบียนภายใต้นิติบุคคล Bybit Fintech Limited ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงินโดยเฉพาะ
– ใช้กลไกราคาคู่ (Dual-price) ที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อแก้ไขปัญหาการปั่นราคา และเพื่อให้ราคาการชำระบัญชีสินทรัพย์ที่ยุติธรรม
– เป็นพาร์ทเนอร์กับสโมสร “โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์”: เป็นพาร์ทเนอร์กับทีมฟุตบอล “โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์” ที่โดดเด่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อชุมชนและการสร้างสถานะในระดับโลก
– เปิดตัวการซื้อขายแบบสปอตบนแพลตฟอร์มในปี 2021 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้เลเวอเรจ
– มีองค์ประกอบอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ตัวชี้วัดความเชื่อมั่นของตลาด และ ภาคส่วนที่กำลังได้รับความนิยม ทำให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลตลาดและข้อมูลเชิงลึกที่ลึกมากยิ่งขึ้น
– ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแปลงสกุลเงินดิจิทัลหนึ่งไปเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การจัดการพอร์ตการลงทุนง่ายมากขึ้น
– ลดความซับซ้อนของกระบวนการซื้อสกุลเงินดิจิทัล ทำให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
– รองรับการทำธุรกรรมแบบ P2P ทำให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อและขายสกุลเงินดิจิทัลได้โดยตรง
– นำเสนอบัตรที่มีการทำงานเหมือนกับบัตรเดบิต MasterCard มาตรฐาน ช่วยให้สามารถชำระเงินโดยใช้สกุลเงินคริปโตได้
– Bybit Wallet ที่รองรับการโต้ตอบในเครือข่ายบล็อกเชนหลายเครือข่าย ช่วยปรับปรุงการใช้งานต่างๆ สำหรับกิจกรรม Web3
– ให้การเข้าถึงผลิตภัณฑ์และโปรเจกต์ Web3 ใหม่ๆ ได้ก่อนใคร นำเสนอโอกาสในการลงทุนในเทคโนโลยีเกิดใหม่
7. Binance
Binance เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลพร้อมด้วยเลเวอเรจ โดยรองรับสกุลเงินดิจิตอลมากกว่า 400 สกุล คุณสามารถใช้เลเวอเรจเหรียญใดๆ ก็ได้ ในบรรดาข้อเสนอต่างๆ เทรดเดอร์จำนวนมากมักจะเลือกใช้เลเวอเรจกับฟิวเจอร์สแบบถาวร โดย Binance ให้เลเวอเรจสูงถึง 125 เท่าสำหรับฟิวเจอร์ส Bitcoin และระดับเลเวอเรจที่แตกต่างกันสำหรับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เช่น สูงสุด 100 เท่าสำหรับ Ethereum และ 20 เท่าสำหรับ Uniswap
ที่ตัวเลือกหนึ่งที่ Binance นำเสนอก็คือ เลเวอเรจออปชั่น ซึ่งเทรดเดอร์สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมเริ่มต้นเล็กน้อยซึ่งเรียกว่า ‘พรีเมียม’ จากนั้น พวกเขาจะสามารถเลือกราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุของสัญญาได้
ค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับเลเวอเรจของผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการซื้อขายของคุณตลอดทั้งเดือน ตัวอย่างเช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขายฟิวเจอร์สเริ่มต้นเพียง 0.05% ต่อธุรกรรม ในขณะที่ออปชั่นเริ่มต้นที่ต่ำกว่าที่ 0.03% นอกเหนือจากการซื้อขายแบบเลเวอเรจแล้ว Binance ยังให้บริการตลาดการซื้อขายแบบสปอตอีกด้วย โดยมีค่าคอมมิชชั่นเริ่มต้นที่ 0.01%
– ฟิวเจอร์สและออปชั่น
- สภาพคล่องสูง
- คู่การซื้อขายที่หลากหลาย
- คุณสมบัติการซื้อขายขั้นสูง
- แหล่งความรู้ด้านการศึกษา
- เปิดให้บริการทั่วโลก
- ข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ
- ค่อนข้างซับซ้อนสำหรับมือใหม่
- โครงสร้างค่าธรรมเนียมที่เปลี่ยนแปลงได้
- การถูกตรวจสอบในเรื่องกฏระเบียบเมื่อไม่นานมานี้
– Binance Earn นำเสนอแผนการสร้างรายได้แบบ Passive Income ที่หลากหลายแก่ผู้ใช้งาน ซึ่งรวมไปถึง Simple Earn และ BNB Vault
– Binance Launchpad ที่อนุญาตให้สตาร์ทอัพ Web3 เปิดตัวโทเค็นใหม่ๆ ทำให้ผู้ใช้งานได้รับโอกาสในการลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ
– Binance เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อ ขาย และเทรด NFT รวมถึง สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร
– Binance ช่วยให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมในการขุด PoW โดยนำเสนอบริการ Cloud Mining ผ่านอัลกอริธึมที่หลากหลาย
– Binance ผสานรวมกับแอปพลิเคชั่น DEX และ DeFi มากมาย ซึ่งเป็นสะพานที่จะเชื่อมไปสู่การเงินแบบกระจายอำนาจ
– สินเชื่อคริปโตและเครื่องมือการจัดการสินทรัพย์ ซึ่งรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลายเพื่อเป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน
– ให้บริการการซื้อขายนอกตลาด (OTC) สำหรับธุรกรรมขนาดใหญ่ ช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงความคลาดเคลื่อนของราคา (Slippage) ได้
– Binance อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานสถาบันโดยให้การเข้าถึง API เพื่อสร้างระบบการซื้อขายขั้นสูงได้
– ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายและมีโอกาสที่จะสร้างรายได้ได้ขณะที่ทำการเรียนรู้ผ่าน Binance Academy
การเปรียบเทียบแพลตฟอร์มการซื้อขายเลเวอเรจคริปโต
แพลตฟอร์ม | สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ | คู่เทรด | เลเวอเรจสูงสุด | ประเทศที่เปิดให้บริการ | ค่าธรรมเนียมการเทรดด้วยเลเวอเรจ |
---|---|---|---|---|---|
Coinbase | 240+ | 390+ | 10 เท่า | 170+ | 0% |
Kraken | 240+ | 600+ | 50 เท่า | 190+ | 0.02% หรือ 0.05% + ค่าโรลโอเวอร์ |
KuCoin | 770+ | 1300+ | 100 เท่า | 190+ | 0.06% |
MEXC | 1900+ | 2500+ | 200 เท่า | 170+ | 0.02% |
OKX | 310+ | 640+ | 125 เท่า | 180+ | 0.05% (Futures) และ 0.03% (Options) |
Bybit | 560+ | 800+ | 100 เท่า | 160+ | 0.055% (Futures) และ 0.02% (Options) |
Binance | 400+ | 1500+ | 125 เท่า | 100+ | 0.05% (Futures) และ 0.03% (Options) |
การซื้อขายเลเวอเรจคริปโต คืออะไร?
‘การซื้อขายเลเวอเรจคริปโต’ คือ การใช้เงินที่ยืมมาเพื่อที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากยิ่งขึ้นในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin หรือ Ethereum เทรดเดอร์จะต้องใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย ทั้งผสมผสานการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเพื่อทำการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาด
การใช้เลเวอเรจในการซื้อขายใดๆ มันก็เป็นเหมือนดาบสองคม ใช่แล้ว มันช่วยเพิ่มผลตอบแทนได้ แต่ผลลัพธ์ในเชิงลบมันก็จะถูกขยายมากขึ้นเช่นกัน
Siam Kidd, ที่ปรึกษาทางการเงิน (สกุลเงินดิจิทัล) และผู้เขียนหนังสือขายดี “The Crypto Book”
การใช้เลเวอเรจจะขยายทั้งผลกำไรและผลลัพธ์ในการสูญเสียของคุณ ทำให้การบริหารความเสี่ยงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อนุพันธ์ฟิวเจอร์สนั้นจะเป็นการเดิมพันว่าสกุลเงินดิจิทัลนั้นๆ จะมีราคาเพิ่มขึ้นหรือลดลง และฟิวเจอร์จะช่วยให้คุณได้รับสถานะที่ใหญ่กว่าที่คุณสามารถทำได้โดยการซื้อโทเค็นโดยตรง
จากการจำลองข้อมูลของ Tradeciety จะแสดงให้เห็นว่า ผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นของการซื้อขายมาร์จิ้นด้วยอัตราส่วนเลเวอเรจ 2:1 นั้นค่อนข้างมาก แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของราคาเพียงแค่ 10% ก็ตาม
เทรดเดอร์ควรที่จะใช้งานคำสั่ง Stop-Loss และทำความเข้าใจระบบ Order Book ของกระดานเทรดด้วยเพื่อการจำกัดความเสี่ยง แม้ว่าเลเวอเรจจะช่วยเพิ่มผลกำไรในระยะสั้นได้ แต่มันก็ยังเพิ่มค่าธรรมเนียมการซื้อขายและความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นอีกด้วย
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจในตลาดคริปโตให้ดี และใช้วิธีการชำระงเนิที่รองรับในพื้นที่ของคุณ ก่อนที่จะทำการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ นักลงทุนควรที่จะศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนและทำการตัดสินใจเรื่องทางการเงินอย่างรอบคอบ
การซื้อขายอนุพันธ์คริปโตในประเภทต่างๆ
การซื้อขายเลเวอเรจคริปโตนั้นอาจจะมีอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีกลไกและความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป และนี่คือประเภทหลักๆ ที่นักลงทุนส่วนใหญ่นิยมเทรดกัน:
- ฟิวเจอร์สแบบดั้งเดิม: สัญญาเหล่านี้จะมีวันหมดอายุ เทรดเดอร์ตกลงที่จะซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในวันที่กำหนดในอนาคต สัญญาเหล่านี้สามารถใช้เลเวอเรจได้ เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์ขยายสถานะของสัญญาได้มากยิ่งขึ้น
- ฟิวเจอร์สแบบถาวร: นี่คือสัญญาฟิวเจอร์สแบบที่ไม่มีวันหมดอายุ เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะได้นานเท่าที่ต้องการ ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถรักษาข้อกำหนดมาร์จิ้นไว้ได้ มันจะเลียนแบบราคาแบบสปอตของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างใกล้ชิดและให้เลเวอเรจที่สูง
- ออปชั่น: ออปชั่นจะให้สิทธิ์แก่เทรดเดอร์ในการซื้อ (คอลออปชั่น) หรือขาย (พุทออปชั่น) สกุลเงินดิจิทัลในราคาที่ระบุ (ราคาใช้สิทธิ) ก่อนวันที่กำหนด เลเวอเรจในการซื้อขายออปชั่นคริปโตจะมาจากความสามารถในการควบคุมโทเค็นจำนวนมากด้วยเงินทุนที่ค่อนข้างน้อย (พรีเมียม)
- เลเวอเรจโทเค็น: โทเค็นเหล่านี้คือโทเค็น ERC-20 ที่แสดงถึงสถานะเลเวอเรจของสินทรัพย์อ้างอิง ช่วยให้เทรดเดอร์ได้รับสถานะที่มีเลเวอเรจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องหลักประกัน มาร์จิ้น หรือการชำระบัญชี อย่างไรก็ตาม มันอาจจะมีความผันผวนที่สูงและการถูกปรับสมดุลราคาเป็นระยะๆ ได้
- การซื้อขายมาร์จิ้น: การซื้อขายมาร์จิ้นหมายถึงการกู้ยืมเงินเพื่อเพิ่มขนาดของสถานะ เทรดเดอร์จะต้องรักษาระดับมาร์จิ้นขั้นต่ำเอาไว้ และหากตลาดไม่เป็นไปตามที่ต้องการ พวกเขาอาจจะถูกเรียกหลักประกันเพิ่มเติม (Margin Call) หรือ เกิดการชำระบัญชีได้
- ฟิวเจอร์สผกผัน: นี่คือสัญญาซื้อขายฟิวเจอร์สที่สกุลเงินอ้างอิงเป็นสกุลเงินดิจิทัลแทนที่จะเป็นสกุลเงินเฟียต ช่วยให้เทรดเดอร์ป้องกันความเสี่ยงจากการลดราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลได้
การซื้อขายเลเวอเรจของสกุลเงินดิจิทัลทำงานอย่างไร?
การซื้อขายเลเวอเรจของสกุลเงินดิจิทัลช่วยให้เทรดเดอร์เพิ่มสถานะในตลาดซื้อขายได้มากกว่าที่เงินพวกเขามีในบัญชีจริงๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดสถานะ Ethereum มูลค่า 500 ดอลลาร์ ที่เลเวอเรจ 20 เท่า ประสิทธิภาพของสถานะในตลาดซื้อขายของคุณก็จะกลายมาเป็น 10,000 ดอลลาร์
วิธีนี้เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการสร้างรายได้มากขึ้นโดยไม่ต้องใส่เงินสดลงไปเพิ่ม มันจะเป็นการใช้กลยุทธ์จากการวิเคราะห์ทั้งทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจที่เพิ่มขึ้นจะขยายทั้งผลกำไรและผลขาดทุน ดังนั้น หากตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ไม่ดี สถานะที่เปิดไว้ก็อาจจะถูกชำระบัญชีได้ ซึ่งอาจจะทำให้สูญเสียเงินลงทุนก้อนแรกไปทั้งหมด
แพลตฟอร์มต่างๆ มักจะนำเสนอการซื้อขายประเภทนี้ พร้อมด้วยตัวเลือกต่างๆ เช่น ฟิวเจอร์สแบบถาวร เลเวอเรจโทเค็น และการเปิดสถานะ Long และ Short ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์การซื้อขายที่หลากหลายได้ทั้งในสถานการณ์ขาขึ้นและขาลง ดังนั้น เทรดเดอร์ควรที่จะทำความคุ้นเคยกับระบบคำสั่งซื้อต่างๆ และค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และใช้เงินทุนอย่างเหมาะสม
ก่อนที่จะเริ่มการซื้อขายเลเวอเรจ สิ่งสำคัญคือต้องศึกษารูปแบบทางเทคนิค, ทำความเข้าใจรูปแบบแท่งเทียน และมีกลยุทธ์ที่จัดเตรียมไว้อย่างดีเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตลาดที่มีความผันผวนอย่าง Bitcoin, Ethereum และ Altcoins อื่นๆ
ประโยชน์และความเสี่ยงของ ‘การซื้อขายด้วยเลเวอเรจ’
ก่อนที่จะทำการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ การทำความเข้าใจทั้งประโยชน์และความเสี่ยงถือเป็นสิ่งที่สำคัญ โปรดจำไว้ว่า คุณจะต้องมีแผนการที่มั่นคงในการรับมือกับความเสี่ยงเพื่อบรรเทาความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
ประโยชน์ของ ‘การซื้อขายด้วยเลเวอเรจ’
- เพิ่มประสิทธิภาพของเงินทุน: เลเวอเรจจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วยเงินทุนเริ่มต้นที่น้อยลง และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สูงสุด
- เข้าถึงตลาดได้มากยิ่งขึ้น: เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนที่จำกัดจะสามารถเข้าถึงตลาดและสินทรัพย์ที่มีราคาแพงยิ่งขึ้นได้ เพิ่มความหลากหลายและโอกาสให้กับพวกเขามากยิ่งขึ้น
- เพิ่มศักยภาพในการทำกำไร: ในสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย การใช้เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลกำไรได้อย่างมหาศาลจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย
- การป้องกันความเสี่ยง: เลเวอเรจสามารถใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ได้ ป้องกันการตกต่ำของตลาดด้วยการเปิดตำแหน่งในทางตรงกันข้าม
- การขายชอร์ต: เลเวอเรจช่วยให้เทรดเดอร์สามารถขายชอร์ตได้ โดยได้กำไรจากราคาที่ลดลงโดยการยืมและขายในราคาที่สูงขึ้น จากนั้น ก็ซื้อคืนในราคาที่ต่ำลง
- การซื้อขายเชิงกลยุทธ์: ช่วยให้เทรดเดอร์มีกลยุทธ์การซื้อขายที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การซื้อขายแบบสเปรดหรือการซื้อขายคู่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เลเวอเรจเพื่อเปิดหลายๆ สถานะ
ความเสี่ยงของ ‘การซื้อขายด้วยเลเวอเรจ’
- ความสูญเสียที่เพิ่มขึ้น: เมื่อเลเวอเรจสามารถเพิ่มผลกำไรได้ เลเวอเรจก็สามารถเพิ่มผลลัพธ์ของการสูญเสียได้เช่นกัน หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับสถานะที่เทรดเดอร์เปิดไว้
- การเรียกหลักประกันและการชำระบัญชี: หากมูลค่าของสถานะต่ำกว่าระดับที่กำหนด (ข้อกำหนดเรื่องหลักประกัน) เทรดเดอร์อาจจะโดนเรียกหลักประกัน (Margin Call) ซึ่งต้องใช้เงินทุนเพิ่มเติมหรือถูกชำระบัญชีโดยอัตโนมัติ
- ความผันผวนของตลาด: เลเวอเรจที่สูงอาจมีความเสี่ยงเป็นพิเศษในตลาดที่มีความผันผวน ซึ่งนำไปสู่การขาดทุนและการชำระบัญชีอย่างรวดเร็ว
- ต้นทุนดอกเบี้ย: การถือสถานะที่มีเลเวอเรจข้ามคืนอาจจะทำให้เกิดต้นทุนดอกเบี้ย และลดผลกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นได้
- ความซับซ้อนและการซื้อขายมากจนเกินไป: การซื้อขายด้วยเลเวอเรจมีความซับซ้อนและอาจกระตุ้นให้มีการซื้อขายมากจนเกินไป หรือ เปิดสถานะโดยที่ไม่ได้คิดให้ดี เนื่องจากการรับรู้เกี่ยวกับต้นทุนในการเปิดสถานะอาจจะต่ำกว่าปกติ
- ความเสี่ยงของคู่สัญญา: ในการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ มันมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้กู้หรือแพลตฟอร์มด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสถานะหรือเงินทุนของเทรดเดอร์ได้
- แรงกดดันทางจิตวิทยา: การซื้อขายด้วยเลเวอเรจอาจจะทำให้เกิดความเครียดและนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผลเนื่องจากมีโอกาสขาดทุนสูงได้ ดังนั้น อย่าลืมเรียนรู้วิธีการที่จะควบคุมอารมณ์ในการซื้อขายคริปโตของคุณให้ดี
การซื้อขายเลเวอเรจ vs. การซื้อขายมาร์จิ้น
การซื้อขายเลเวอเรจและการซื้อขายมาร์จิ้นถือเป็นแนวทางการซื้อขายยอดนิยมในชุมชนเทรดคริปโต ซึ่งมักจะถูกใช้โดยผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวน
ทั้ง 2 วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินเพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่อาจจะเป็นไปได้ แต่ทั้ง 2 วิธีนี้ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การซื้อขายและแนวทางการจัดการความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป
การซื้อขายเลเวอเรจ
- คำนิยาม: ในการซื้อขายเลเวอเรจคริปโต นักลงทุนจะยืมเงินเพื่อเพิ่มขนาดการซื้อขายของพวกเขา เพื่อเพิ่มผลกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น การใช้เลเวอเรจ 10 เท่า การลงทุน 1,000 ดอลลาร์จะช่วยให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้เปรียบเสมือนว่ามีเงินทุน 10,000 ดอลลาร์
- ข้อดี: ระดับเลเวอเรจที่สูงช่วยเพิ่มผลกำไรจากการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จได้ เหมาะสำหรับกลยุทธ์การเทรดในระยะสั้น และช่วยให้เทรดเดอร์ได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย
- ข้อเสีย: เลเวอเรจจะขยายความสูญเสียของคุณด้วย ****หากตลาดไม่เคลื่อนไหวไปอย่างที่คุณคิด คุณก็อาจจะสูญเสียเงินทุนของคุณได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นั่นหมายคววาม คุณอาจจะต้องจับตาดูการลงทุนของคุณอย่างใกล้ชิด และใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อจำกัดความเสี่ยง เช่น การตั้งคำสั่ง Stop-Loss เอาไว้
- ดีที่สุดสำหรับ: เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ซึ่งใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและเข้าใจแนวโน้มของตลาดอย่างชัดเจน วิธีนี้เป็นที่นิยมในตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น สกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรูปแบบแท่งเทียนและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมีบทบาทที่สำคัญมาก
การซื้อขายมาร์จิ้น
- คำนิยาม: การซื้อขายมาร์จิ้นจะเกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจะมีการใช้สินทรัพย์เป็นหลักประกัน ต่างจากการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นนั้นจะมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า ส่วนใหญ่มักจะจำกัดการกู้ยืมอยู่ที่ 5 เท่า
- ข้อดี: ช่วยให้สามารถทำการซื้อขายได้มากขึ้นโดยไม่ต้องใช้เงินทุนล่วงหน้าแบบเต็มจำนวน เหมาะสำหรับทั้งสถานะซื้อและขาย ช่วยให้นักลงทุนสามารถผสมผสานกลยุทธ์การซื้อขายได้มากยิ่งขึ้น
- ข้อเสีย: ถึงแม้ว่าจะไม่มีความเสี่ยงเท่ากับการซื้อขายที่มีเลเวอเรจสูง แต่การสูญเสียก็ยังคงจะมากเกินกว่าเงินลงทุนก้อนแรก ค่าธรรมเนียมในการยืมเงินยังทำให้รายได้ของคุณลดลงอีกด้วย
- ดีที่สุดสำหรับ: เทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มสถานะของตนในระดับปานกลาง เปิดสถานะเป็นระยะเวลานานขึ้น และผู้ที่มีแนวทางการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด
รูปแบบการซื้อขายทั้ง 2 ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะกำหนดให้ผู้ใช้งานจะต้องเปิดบัญชีในกระดานเทรดที่นำเสนอบริการเหล่านี้ ในขณะที่การซื้อขายด้วยเลเวอเรจเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการผลกำไรในระยะสั้น การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการความเสี่ยงที่น้อยกว่าและมีการวางแผนอย่างรอบคอบมากกว่า
แต่ไม่ว่าจะเลือกการซื้อขายประเภทใดก็แล้วแต่ สิ่งที่เทรดเดอร์จะต้องคำนึงถึงอยู่เสมอคือการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค การทำความเข้าใจระบบการซื้อขายของแพลตฟอร์ม และการปฏิบัติตามกฏที่ชัดเจนเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและการจัดการความเสี่ยง เพื่อที่จะสามารถเดินบนเส้นทางของการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ควรมองหาเมื่อทำการเลือกแพลตฟอร์มการซื้อขายเลเวอเรจคริปโตที่ดีที่สุด
ในการเลือกแพลตฟอร์มการซื้อขายเลเวอเรจคริปโตที่ดีที่สุด คุณจะต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญหลายประการเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัย ซึ่งรวมถึงการมีเครื่องมือวิเคราะห์การซื้อขาย เช่น RSI Indicator และและความสามารถในการมองเห็นรูปแบบ เช่น Wyckoff Pattern หรือ “Bull Flag” Pattern
โปรดจำไว้เสมอว่า การซื้อขายด้วยเลเวอเรจนั้นมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ให้เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และห้ามลงทุนมากเกินกว่าที่คุณจะยอมขาดทุนได้ และให้ระมัดระวังปรากฏการณ์ “Falling Knife” ที่อาจจะเกิดขึ้นในตลาดที่ผันผวนนี้
การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และ การรักษาความปลอดภัย
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มปฏิบัติตามกฎระเบียบในประเทศของคุณ แพลตฟอร์มที่ปฏิบัติตามกฎหมายมักจะมีความปลอดภัยมากกว่าสำหรับการซื้อขาย นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบคุณสมบัติความปลอดภัยต่างๆ เช่น การยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน (2FA), การจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลแบบออฟไลน์ หรือ การรับประกันต่อการโจรกรรมทางไซเบอร์
UI และ การสนับสนุนลูกค้า
หากคุณยังเป็นมือใหม่ ให้เลือกแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้ง่าย และมีแหล่งข้อมูลทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะรวมไปถึง บทช่วยสอน คำแนะนำเกี่ยวกับการซื้อขายแบบกริด และบัญชีทดลองสำหรับฝึกการซื้อขายคริปโตได้ฟรี โดยไม่ต้องใช้เงินจริงๆ นอกจากนี้ การสนับสนุนลูกค้าที่มีประสิทธิภาพซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทางต่างๆ มากมาย ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน
ขีดจำกัดและเงื่อนไขของ ‘เลเวอเรจ‘
แพลตฟอร์มที่แตกต่างกันก็จะมีระดับเลเวอเรจที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าเลเวอเรจที่สูงขึ้นอาจจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของผลกำไรเป็นอย่างมาก แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ให้เริ่มต้นด้วยแพลตฟอร์มที่มีตัวเลือกเลเวอเรจที่ต่ำกว่า (เช่น 5 หรือ 10 เท่า) ซึ่งจะช่วยให้คุณจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้นในขณะที่เรียนรู้ปัจจัยพื้นฐานต่างๆ
ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
ทำความเข้าใจโครงสร้างของค่าธรรมเนียม ซึ่งอาจจะรวมไปถึง ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมข้ามคืน และค่าธรรมเนียมการถอน ค่าธรรมเนียมที่ลดลงอาจจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้น ให้คำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ อยู่เสมอ
ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม DeFi อาจจะเสนอผลตอบแทนให้มากกว่ากระดานเทรดคริปโตแบบรวมศูนย์ แต่ในพื้นที่ DeFi คุณอาจจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องธุรกรรมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าความคลาดเคลื่อนของสกุลเงินดิจิทัล
ความลึกของสภาพคล่องและระบบคำสั่งซื้อขาย (Order Book)
สภาพคล่องที่สูงเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งหมายความว่า คำสั่งซื้อของคุณมีแนวโน้มที่จะได้รับการดำเนินการในราคาที่ต้องการ และมีความคลาดเคลื่อน (Slippage) น้อยที่สุด ให้ตรวจสอบระบบคำสั่งซื้อขายและสภาพคล่องของตลาดโดยรวมอย่างละเอียด
เพื่อที่จะทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ตัวชี้วัดของสภาพคล่องเหล่านี้ก่อนที่จะทำการซื้อขายเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งสามารถส่งผลต่อผลการซื้อขายของคุณได้อย่างแน่นอน
รองรับสินทรัพย์และคู่ซื้อขายที่หลากหลาย
ให้มองหาแพลตฟอร์มที่รองรับสกุลเงินดิจิทัลและคู่ซื้อขายที่หลากหลาย สิ่งนี้ทำให้คุณสามารถทำการซื้อขายได้ยืดหยุ่นมากขึ้นและช่วยให้คุณกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณได้ การทำความเข้าใจสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลายจะช่วยยกระดับประสบการณ์การซื้อขายของคุณได้
เครื่องมือช่วยจัดการความเสี่ยง
ให้ลองมองหาแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือที่จะช่วยคุณในการจัดการความเสี่ยงได้ เช่น คำสั่ง Stop-Loss ซึ่งสามารถช่วยลดการสูญเสียเมื่อตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับสถานะที่เปิดไว้ของคุณได้
บอทเทรดคริปโตก็จะช่วยให้แผนการซื้อขายของคุณเป็นไปอย่างอัตโนมัติได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มที่คุณเลือกใช้งานมีบริการบอทเทรดที่ถูกต้องตามกฏหมายและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการทำการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ
ตัวเลือกในการฝากและถอนเงิน
ตรวจสอบตัวเลือกในการชำระเงินสำหรับการฝากและถอนเงินของแพลตฟอร์ม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขามีตัวเลือกที่สะดวกและคุ้มค่าสำหรับคุณ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อจำกัดในการฝากหรือถอนเงินให้ชัดเจน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณจัดการเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและวางแผนการซื้อขายได้โดยไม่มีเรื่องติดขัดใดๆ
ชื่อเสียง และ ชุมชน
ลองศึกษาข้อมูลว่าผู้คนในโลกคริปโตคิดอย่างไรกับแพลตฟอร์มนี้ อ่านความคิดเห็นของผู้ใช้งานจริงรายอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ใช้งานใหม่บนแพลตฟอร์ม ชุมชนที่เข้มแข็งจะให้การสนับสนุนและช่วยให้คุณได้มีโอกาสในการเรียนรู้เพิ่มเติม ทำให้คุณสามารถเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดและเทคนิคการบริหารความเสี่ยงได้มากขึ้น
ทำความเข้าใจความเสี่ยงให้ดี
หากคุณยังเป็นมือใหม่ในโลกของ ‘การซื้อขายเลเวอเรจคริปโต’ สิ่งสำคัญก็คือ คุณจะต้องมีความรู้และใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก การเลือกใช้งานกลยุทธ์การซื้อขายที่คุณมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งคือหัวใจสำคัญ โดยการใช้ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ
การจัดการความเสี่ยงก็ควรที่จะเป็นอีกหนึ่งแกนหลักของกลยุทธ์การซื้อขายของคุณเช่นกัน นอกจากนี้ ให้ทำความคุ้นเคยเกี่ยวกับรูปแบบแท่งเทียน ตัวชี้วัดของตลาดซื้อขาย และดัชนีความกลัวและความโลภของสกุลเงินดิจิทัล เพื่อที่จะสามารถคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
ตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณได้เลือกใช้งานกระดานเทรดที่มีชื่อเสียงซึ่งมีสื่อการเรียนรู้ที่ดีและการสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยม สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะทำการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลใดๆ ให้เริ่มจากการซื้อขายระยะสั้นเพื่อสร้างความมั่นใจและเสริมสร้างประสบการณ์ของคุณ ด้วยการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ คุณจะสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการซื้อขายเลเวอเรจที่ประสบความสำเร็จในโลกสกุลเงินดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานี้ได้
คำถามที่พบบ่อย
การซื้อขายเลเวอเรจคริปโต คืออะไร?
เลเวอเรจ 100 เท่าในคริปโตคืออะไร?
เลเวอเรจที่ดีที่สุดสำหรับคริปโตคือเท่าใด?
เลเวอเรจ 20 เท่าในการซื้อขายคืออะไร?
เลเวอเรจ 10 เท่าเสี่ยงหรือไม่?
เลเวอเรจที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่คือเท่าใด?
แพลตฟอร์มใดที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขายคริปโตในปี 2024 คือแพลตฟอร์มใด?
สกุลเงินดิจิทัลใดมีเลเวอเรจสูงสุด?
กระดานเทรดคริปโตใดที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขายเลเวอเรจคริปโต?
คริปโตใดที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์