Trusted

Stop Loss กับ Stop Limit เทคนิคการใช้งานให้เหมาะกับคุณ

10 mins
อัพเดทโดย Apinat Phosuwan

การใช้งาน Stop Loss กับ Stop Limit อย่างชำนาญจะทำให้คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ยืดหยุ่นมากขึ้นตามสถานการณ์ ซึ่งใช้ได้กับทั้งการเทรด Crypto, Forex, และ สินทรัพย์ทางการเงินแทบจะทุกรูปแบบ

ในการลงทุนและการเทรด การตั้ง Stop-Loss (SL) เป็นหนึ่งในเครื่องมือการควบคุมความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด บทความนี้จะพาคุณมาเรียนรู้ความแตกต่าง ข้อดีข้อเสีย ของการตั้งจุดตัดขาดทุน 2 ประเภทระหว่าง Stop-Loss กับ Stop-Limit

Stop Loss Order คืออะไร

Stop Loss Order (SL) เป็นการตั้งคัตลอสเพื่อจำกัดการขาดทุนในแต่ละเทรดด้วย “Market” ออเดอร์ประเภทนี้จะต้องตั้งเอาไว้ล่วงหน้าที่ราคาที่คุณวางแผนไว้ว่า หากราคาของสินทรัพย์ร่วงลงต่ำกว่าราคาดังกล่าวจะทำการเทขายหรือปิดสถานะที่ถืออยู่ในทันที

วิธีตั้ง Stop-Loss มีหลากหลายเทคนิคตามการวิเคราะห์เชิงเทคนิคหรือตามกลยุทธ์ต่างๆ เช่น Elliot Wave, Moving Average, เส้น Trend Line, แนวรับแนวต้าน และอื่นๆ อีกมากมาย นับว่ามันเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่จะปกป้องเงินทุนของคุณ เพราะคุณสามารถวางแผนและจำกัดความเสียหายได้ก่อนที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์ หากการเทรดผิดแผนระบบจะทำการเทขายปิดสถานะทันทีที่ราคาที่ดีที่สุด

โดยเฉพาะกับตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างตลาดสกุลเงินดิจิทัลเป็น ความผันผวน (Volatility) จะกลายเป็นปัจจัยที่เทรดเดอร์ต้องพิจารณาเป็นพิเศษในการตั้งจุด SL นอกจากนี้การตั้ง SL ยังสามารถใช้เพื่อปกป้องกำไรของเราได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นนักเทรด Trend Following ที่เปิดสถานะ Long สามารถเลื่อน SL ขึ้นมาจากจุดเดิมเพื่อปกป้องกำไรที่มีอยู่ได้เช่นกัน

ข้อดีของ Stop Loss Order

  • จำกัดการขาดทุน : การกำหนดราคาเพื่อตัดขาดทุนไว้ล่วงหน้าจะทำให้นักลงทุนรอดพ้นจากการสูญเสียเงินทุนจำนวนมากได้ในขณะที่นักเทรดไม่ได้อยู่เฝ้าจอ ในตลาดที่ผันผวนสูงอย่าง Cryptocurrency การเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่นาทีอาจทำให้คุณต้องล้างพอร์ทได้ (Liquidated)
  • ระบบอัตโนมัติ : การตั้ง Stop-loss order เป็นการตั้งระบบอัตโนมัติทำให้คุณสามารถนอนหลับได้เต็มอิ่ม เพราะคุณไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา โดยเฉพาะตลาดที่ซื้อขาย 24 ชั่วโมง 7 วันอย่างคริปโต ทำให้คุณลดความเครียดและได้ใช้เวลากับการทำอย่างอื่นมากขึ้น
  • การควบคุมอารมณ์ : การเทรดมักมาพร้อมกับอารมณ์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ ทั้งความกลัวและความโลภ การตั้งจุด SL ไว้ล่วงหน้าอาจป้องกันคุณจากอาการ Panic Selling หรือความมั่นใจที่มากเกินไปจนไม่ยอมขายทำกำไร
  • การควบคุมความเสี่ยง : ดังที่กล่าวมาการตั้ง Stop-Loss Order คือเครื่องมือสำคัญในการควบคุมความเสี่ยง เพราะคุณสามารถจำกัดและคำนวณความเสี่ยงไว้ล่วงหน้าได้ มักมีคำกล่าวที่ว่า “ผู้ที่อยู่รอดในตลาดได้คือผู้ที่ควบคุมความเสี่ยงได้ดี”
  • ความยืดหยุ่น : การตั้ง SL สามารถตั้งที่ราคาใดก็ได้และเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้นักลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตลาดเวลาตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
  • ไม่มีค่าใช้จ่าย : การตั้ง SL โดยทั่วไปแล้วไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น กระดานซื้อขายคริปโต กระดาน Forex หรือ โบรกเกอร์หุ้นทั่วไป

ข้อเสียของ Stop Loss Order

  • ความผันผวนในตลาด : ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง คำสั่ง Stop-Loss อาจทำงานโดยไม่จำเป็นเนื่องจากความผันผวนของราคาชั่วคราว ซึ่งนำไปสู่การปิดสถานะขาดทุนโดยไม่จำเป็น
  • ราคาขายที่ไม่แน่นอน : คำสั่งหยุดการขาดทุนไม่ได้รับประกันว่าคุณจะขายในราคาที่แน่นอนที่คุณตั้งไว้ หากตลาดมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และมีสภาพคล่องต่ำ ราคาที่คุณปิดสถานะและเทขายอาจต่ำกว่าราคาที่คุณกำหนดไว้ในแผนได้
  • ความเสี่ยงเรื่อง Gap: หากคุณเทรดในกระดานหรือสินทรัพย์ที่มีการปิดตลาดข้ามคืน หากตลาดเปิด Gap ต่ำกว่าราคาที่คุณตั้งไว้ ระบบจะทำการเทขายที่ราคาเปิดดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมากได้
  • ผลกระทบทางจิตวิทยา: การใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนบางครั้งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่แย่ เช่น การตั้งราคา SL ใกล้กับราคาซื้อมากเกินไป ทำให้สถาะถูกปิดก่อนเวลาอันควร นักลงทุนจึงต้องศึกษาและวางแผนกลยุทธ์ไว้ให้ดีก่อน
  • อาจพลาดกำไรในอนาคต: หากราคาฟื้นตัวหลังจากแตะราคาหยุดขาดทุน นักลงทุนอาจพลาดกำไรในอนาคต
  • Stop-Loss Hunt: ในตลาดที่มีสภาพคล่องน้อย อาจมีนักลงทุนรายใหญ่มองเห็นระดับราคาที่นักลงทุนรายย่อยน่าจะตั้งจุด SL ไว้ทำให้มีการล่าจุด SL ขึ้นเพื่อควบคุมราคาตลาดที่เรียกว่า Stop Loss Hunt ที่ทำให้เกิดการปิดสถานะของนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากพร้อมๆ กัน
  • ซับซ้อนสำหรับมือใหม่: สำหรับนักลงทุนรายใหม่ การทำความเข้าใจและการใช้คำสั่งหยุดขาดทุนอย่างมีประสิทธิภาพอาจซับซ้อนกว่าที่คิด และอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดได้โดยเฉพาะการตั้ง SL ที่ไกลหรือใกล้มากเกินไป

การรับมือกับความผันผวน (Volatility)

การตั้ง Stop-loss เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการรับมือกับตลาดที่มี ความผันผวน มากที่สุดอย่าง Cryptocurrency ที่มีข่าวเกิดขึ้นตลอดเวลาและทำให้ตลาดเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง

“ผมมองว่าเราไม่ควรให้น้ำหนักกับข่าวลือในการเทรด เพราะมันคือช่วงโหว่ในการควบคุมตลาดและปั่นราคาสินทรัพย์ให้เกิดความผันผวนขึ้น”

Vitalik Buterin : Twitter

Stop Limit Order คืออะไร

Stop Limit Order เป้นการตั้ง SL อีกประเภทหนึ่งที่นักเทรดสามารถตั้งจุดปิดสถานะที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อราคาแตะจุดที่กำหนดไว้ระบบจะส่ง “Limit Order” ที่ราคานั้นทันทีและจะไม่มีการปิดสถานะที่ราคาอื่นแบบการทำ “Market Order” ในกรณีที่สภาพคล่องต่ำ

เมื่อราคาของสินทรัพย์แตะราคา Stop ที่ตั้งไว้ คำสั่ง Limit order จะถูกตั้งทันที แต่สถานะจะปิดได้ก็ต่อเมื่อราคาวิ่งไปถึงจุดราคาของ Limit order ที่ตั้งเอาไว้เท่านั้น ดั้งนั่นมันจึงเป็นไปได้เช่นกันว่าราคาอาจไม่แตะโดนออเดอร์ที่คุณตั้งไว้

หากคุณถือสถานะ Long ไว้ก่อนวันที่ 5 มิถุนายน และราคา Bitcoin ร่วงต่ำลงและคุณตั้ง Stop-limit ไว้ที่ 26,000 ดอลลาร์ เพื่อให้เทขายหรือปิดสถานะหากราคาร่วงต่อถึง 25,200 ดอลลาร์

ยกตัวอย่างจากในกราฟราคาด้านบนนี้ หากคุณถือสถานะ Long ไว้ก่อนวันที่ 5 มิถุนายน และราคา Bitcoin ร่วงต่ำลงและคุณตั้ง Stop-limit ไว้ที่ 26,000 ดอลลาร์ เพื่อให้เทขายหรือปิดสถานะหากราคาร่วงต่อถึง 25,200 ดอลลาร์ ทว่าหากราคาลงไปถึง 26,000 ดอลลาร์ แล้วราคากลับฟื้นตัว Stop-Limit Order ของคุณก็จะไม่ได้ทำงาน หรืออีกกรณีหนึ่งคือ ราคาถึง 25,200 ดอลลาร์ แต่มีออเดอร์ Bid ไว้น้อยเกินไป สถานะของคุณก็อาจจะปิดไปแค่ส่วนเดียว ส่วนที่เหลือจะถูกตั้งเป็น Sell Limit Order ค้างรอไว้จนกว่าจะขายได้ครบ

ข้อดีของ Stop Limit Order

  • ราคาปิดที่แน่นอน : Stop Limit Order ทำให้นักเทรดสามารถกำหนดราคาที่คุณต้องการจะซื้อหรือขายได้ชัดเจนว่าต้องการปิดสถานะที่ “ราคานี้เท่านั้น” ไม่ใช่การเทขายจนกว่าสถานะจะปิดเหมือนกรณี Stop Loss order ปกติ
  • ควบคุมความเสียหายได้อย่างแม่นยำ : นักลงทุนสามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำตามราคาที่กำหนดไว้ รวมถึงการปกป้องกำไรด้วยเช่นกัน
  • ป้องกันความผันผวน : ออเดอร์ประเภทนี้ปกป้องการเทขายในราคาที่ไม่พึ่งประสงค์ในช่วงตลาดไหลแรงๆ และมีสภาพคล่องต่ำทำให้การเทแบบ Market Order อาจปิดในราคาที่แย่กว่าที่กำหนดไว้ (Slippage)

ข้อเสียของ Stop Limit Order

  • สถานะอาจไม่ถูกปิด : ความเสี่ยงที่อันตรายที่สุดคือ หากราคาไหลแรงแล้วราคาไม่กลับมา ณ จุดที่กำหนด Limit Order ไว้ สถานะของคุณจะไม่ถูกปิด ทำให้เกิดความเสี่ยงที่เกินการควบคุมและสูงกว่าที่คุณวางแผนไว้
  • Gap ราคา : เช่นเดียวกับ Stop-Loss Order หากมีการเกิด Gap ขึ้นในตลาดที่มีเวลาเปิดและปิด ราคาของคุณจะค้างไว้ที่ Gap ทำให้สถานะไม่ถูกปิด หากราคาไหลลงต่อก็อาจทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลต่อพอร์ทของคุณได้
  • ความซับซ้อน : การตั้ง   Stop-Limit Order ต้องอาศัยความชำนาญและมีความซับซ้อนสูงในการวางแผนเผื่อกรณีที่สถานะจะไม่ถูกปิดทำให้ไม่เหมาะกับมือใหม่
  • Stop-Loss hunt : เช่นเดียวกับการตั้ง SL ทั่วไป ในบางครั้งรายใหญ่อาจใช้ประโยชน์จากระดับราคาที่รายย่อยอาจจะตั้ง SL ไว้ ทำให้อาจเกิดการปั่นราคาตลาดในการล่า SL ได้

ความแตกต่างระหว่าง Stop Loss และ Stop Limit Order

ความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 คำสั่งคือ รูปแบบในการปิดสถานะ ในขณะที่ Stop-Loss Order จะปิดสถานะด้วย “Market Order” ในทุกๆ ราคา Bid บนสุดจนกว่าสถานะจะปิด Stop-Limit Order จะเปิดการเปิด Limit Order ณ ราคาที่กำหนดเท่านั้นทำให้มีความเสี่ยงที่สถานะของคุณจะถูกปิดเพียงส่วนเดียวหรือไม่ถูกปิดเลย

เราสามารถสรุป ข้อแตกต่างที่สำคัญ ได้ดังนี้ :

  • ประเภทคำสั่งที่ต่างกัน

Stop-Loss Order จะมีผลทันทีที่ราคาถึงจำนวนที่กำหนดไว้ จากนั้นคำสั่ง “Market Order” จะปิดสถานะทันทีอย่างแน่นอน ในทางกลับกัน Stop-limit Order อาจปิดสถานะได้แค่บางส่วนเพราะเป็นการตั้งด้วย “Limit Order”

  • ราคา Net Close ที่ต่างกัน

Stop Loss order การันตีว่าสถานะของคุณจะถูกปิดอย่างแน่นอนเมื่อราคาแตะระดับที่กำหนด แม้ว่ามันจะการันตีว่าสถานะของคุณจะถูกปิดแน่ๆ แต่ราคาอาจจะไม่ได้ปิดที่ Bid แรกสุดเท่านั้น ทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมที่เรียกว่า Slippage

ในทางกลับกัน Stop Limit Order ไม่การันตีว่าสถานะของคุณจะถูกปิด แต่คุณจะขาย ณ ราคาที่คุณตั้งไว้อย่างแน่นอน ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่อง Slippage

คำสั่ง Market order เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคำสั่ง Stop Loss Order อย่างไรก็ตาม การคลาดเคลื่อนของราคาทำให้เกิดความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนสูง ในทางกลับกัน Stop Limit Order มีความเสี่ยงที่สถานะจะไม่ถูกปิด นั่นอาจทำให้สถานะของคุณมีความเสี่ยงมากขึ้นหากไม่มีการป้องกันเพิ่มเติม

สรุป Stop Loss กับ Stop Limit

เราอาจไม่จำเป็นว่าจะต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกันในการใช้งาน นักเทรดควรพิจารณาบริบทของสินทรัพย์และตลาดที่เทรดอยู่มากกว่า ว่าเหมาะกับการใช้เครื่องมือแบบไหนและกลยุทธ์ควบคุมความเสี่ยงแบบใด

สำหรับตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น Cryptocurrency การตั้ง SL ควรคำนึงถึงความสูญเสียเงินต้นที่คุณรับได้ไว้ก่อนและปกป้องกำไรที่เกิดขึ้น

ด้าน Stop Loss order ช่วยให้คุณป้องกันการสูญเสียเงินต้นทั้งหมดได้ ส่วน Stop Limit Order ก็ช่วยให้คุณกำหนดราคาในการปิดสถานะไม่ว่าจะตัดขาดทุนหรือปกป้องกำไรได้อย่างแม่นยำในกรณีตลาดผันผวนต่ำ การคำนึงถึงสินทรัพย์ที่คุณเทรดจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการใช้งานทั้ง 2 เครื่องมือนี้

คำถามที่พบบ่อย

Stop Limit order คืออะไร?

Stop loss กับ Stop limit อะไรดีกว่า?

ตัวอย่างการใช้ Stop Loss Limit

ทำไมเราถึงควรตั้ง Stop Loss

Stop Loss ทำให้คุณเสียเงินได้ไหม

ทำไม Stop Limit Order ถึงไม่ถูก Filled?

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย
แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย
แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

IMG_4466-1.png
นนทชัย สักการโกศล จบการศึกษาปริญญาโท ด้านการวิจัยผลงานศิลปะร่วมสมัย จาก SOAS University of London แต่ผันตัวมาเป็นผู้แนะนำการลงทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ Finansia Syrus Securities PLC. เขาถือใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุนตราสารทุน ตราสารหนี้และกองทุนรวม และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงใบรับรองด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค CMT ระดับ 2 จาก CMT Association ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ และเริ่มลงทุนคริปโตเคอเรนซี่มาตั้งแต่ปี 2016
อ่านประวัติเต็ม
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน