ในการเทรดคริปโต มีกลยุทธ์การเทรดอยู่มากมายที่จะช่วยให้คุณทำกำไรได้ ไม่ว่าจะเป็น “การมองหาจุดกลับตัวของเทรนด์” (Trend Reversal) ที่จะต้องใช้ทักษะ และความสามารถ ในการวิเคราะห์ข้อมูลหรือกราฟ, “การเทรดรายวัน” (Day Trading) ที่เหมาะกับนักเทรดสายเก็งกำไรที่มีเวลาจมอยู่ในตลาดซื้อขายทั้งวัน หรือ “การเทรดตามเทรนด์” (Trend Following Trading) ที่ไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญมาก
และอีกหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่เรียบง่ายที่ว่ากันว่า มันเป็นกลยุทธ์ที่ไร้ความเสี่ยงก็คือ “การเทรดแบบอาร์บิทราจ” แล้ว Arbitrage (อาร์บิทราจ) คืออะไร? ไร้ความเสี่ยงจริงไหม? เราจะมาหาคำตอบกันในบทความนี้ ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลย!
เข้าร่วม BeInCrypto Trading Community บน Telegram: พูดคุยกันเกี่ยวกับเทรนด์ของตลาดซื้อขาย รับชมคอร์สพื้นฐานการซื้อขายฟรี และสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่คุณต้องการจากทีมงานนักเทรดมืออาชีพของเรา!
Arbitrage คืออะไร?
Arbitrage (อาร์บิทราจ) คือ วิธีซื้อและขายสินทรัพย์บนตลาดซื้อขายที่แตกต่างกัน เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา ถึงแม้ว่าส่วนต่างของราคาที่เกิดขึ้นนั้นจะมีจำนวนแค่เล็กน้อย แต่ก็ทำให้ได้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ หากลงทุนในปริมาณมาก
การเทรดแบบ Arbitrage เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนหยิบมาใช้งานกันทั่วไปมานาน — ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น, ฟอเร็กซ์ หรือการซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ใดๆ ก็ตาม — โดยเป็นการเก็งกำไรจากความด้อยประสิทธิภาพของตลาด (Market Inefficiency) พูดง่าย ๆ ก็คือในช่วงที่มีความผันผวนสูง กราฟตก เศรษฐกิจชะลอตัว และในแต่ละตลาดมีสินทรัพย์ตัวเดียวกัน แต่มูลค่าแตกต่างกัน
ตัวอย่างของการเทรดแบบ Arbitrage
ยกตัวอย่างการทำกำไรโดยใช้การเทรดแบบ Arbitrage ให้เห็นภาพง่ายๆ สมมติว่า คุณซื้อหุ้นของบริษัท A มาจากตลาดหลักทรัพย์ NYSE 100,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10 ดอลลาร์
แต่ในขณะเดียวกัน หุ้นของบริษัท A มีการซื้อขายอยู่ที่ 10.10 ดอลลาร์ ในตลาดหลักทรัพย์ LSE คุณก็เลยทำการขายหุ้นของบริษัท A ในตลาดหลักทรัพย์ LSE ไปทั้งหมด รวม 100,000 หุ้น
จะเห็นว่า คุณจะได้กำไรจากส่วนต่างในการซื้อและขายจากตลาดหุ้นทั้ง 2 แห่งนี้เท่ากับ; 100,000 x 0.10 = 10,000 ดอลลาร์ นั่นเอง
หมายเหตุ: ตัวเลขของกำไรที่เกิดขึ้นนี้ เป็นการคำนวนจากส่วนต่างของราคาเพียงเท่านั้น ในสถานการณ์การลงทุนจริง ๆ มันยังมีตัวแปรอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขายของแพลตฟอร์ม, ค่าสเปรดในการซื้อขายสินทรัพย์ หรือ ค่าธรรมเนียมการโอนข้ามแพลตฟอร์ม เป็นต้น ดังนั้น ก็ขอยกประโยคที่เราเคยได้ยินกันบ่อย ๆ มาเขียนไว้ตรงนี้ด้วย “การลงทุนมีความเสี่ยง ศึกษาข้อมูลดี ๆ ก่อนตัดสินใจ” นะครับ
รูปแบบของการเทรดแบบ Arbitrage ในโลกคริปโต
การเทรดแบบ Arbitrage ในตลาดคริปโต จะใช้หลักการเดียวกันกับตลาดซื้อขายแบบดั้งเดิม คือการทำกำไรจากความด้อยประสิทธิภาพของตลาด ตัวอย่างเช่น การซื้อคริปโตจากกระดานเทรดขนาดเล็ก — ที่อาจจะมีปริมาณการซื้อขายและความผันผวนไม่มาก ทำให้สินทรัพย์มีราคาที่มีเสถียรภาพมากกว่า — แล้วนำไปขายบนกระดานเทรดชั้นนำ — ซึ่งจะมีปริมาณการซื้อขายและความผันผวนมากกว่า ทำให้ราคาของสินทรัพย์มีการแกว่งตัวสูง ซึ่งจะเป็นช่องว่างให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากสินทรัพย์ดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการเทรดแบบ Arbitrage รูปแบบหนึ่งเท่านั้น ยังมีกลยุทธ์การเทรดแบบ Arbitrage ซึ่งใช้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคาในรูปแบบต่างๆ อีกเยอะ เช่น:
- Simple Arbitrage — การซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่า และนำมาขายในราคาที่สูงกว่าราคาทั่วไป ซึ่งเป็นวิธีทั่วไปที่นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้ทำกำไร
- Cross-Exchange หรือ Inter-Exchange Arbitrage — เป็นการทำกำไร โดยซื้อสินทรัพย์จากกระดานเทรดหนึ่ง มาขายในอีกกระดานเทรดหนึ่ง โดยจะทำกำไรจากส่วนต่างของราคาสินทรัพย์จากทั้ง 2 กระดานเทรด
- Spatial Arbitrage — การทำ Arbitrage ในลักษณะนี้จะคล้ายกับหัวข้อที่ผ่านมา ซึ่งก็คือการหาโอกาสในการทำกำไรจากส่วนต่างของทั้ง 2 กระดานเทรด แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ จะเป็นการเทรดบนกระดานเทรดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่แตกต่างกัน เช่น ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ของ Bitcoin บนกระดานเทรดในสหรัฐอเมริกา และกระดานเทรดในเกาหลีใต้ เป็นต้น
ความรู้เบื้องต้น
อุปสงค์ (Demand) คือ การที่ความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น เมื่อราคาขายต่ำลง และคนต้องการ ซื้อน้อยลงเมื่อราคาแพงขึ้น
อุปทาน (Supply) คือ ความต้องการขายสูงเมื่อราคาแพง และจะขายน้อยลงเมื่อราคาถูกลง
- Triangular Arbitrage — เป็นการทำ Arbitrage โดยการซื้อขายระหว่างสินทรัพย์คริปโตที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป เช่น การซื้อขายระหว่าง BTC เป็น SOL → SOL เป็น ETH → ETH เป็น BTC ซึ่งจะทำกำไรโดยอาศัยความผันผวนของคู่สกุลเงินคริปโตในแต่ละรายการ ข้อดีของการทำ Triangular Arbitrage คือเราสามารถซื้อขายบนกระดานเทรดเพียงแห่งเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องถอนและฝากเงินเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างกระดานเทรดต่าง ๆ แต่ข้อเสียก็คือ จะเสียเวลาคำนวนมากกว่าการทำ Arbitrage แบบปกติ
- Decentralized Arbitrage — การทำกำไรระหว่างกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจต่าง ๆ (DEXs) ซึ่งหากสินทรัพย์ที่เฉพาะเจาะจงตัวใดตัวหนึ่งมีราคาที่ต่ำเกินจริง (Undervalue) หรือสูงเกินจริง (Overvalue) นักเก็งกำไรจะสามารถซื้อและขายสินทรัพย์ ด้วยการใช้กลุ่มสภาพคล่อง (Liquidity Pool) ที่แตกต่างได้
- Statistical Arbitrage — การทำ Arbitrage โดยการใช้แบบจำลองข้อมูล และใช้บอทซื้อขาย เพื่อช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น และเนื่องด้วยการใช้บอทซื้อขาย กระบวนการส่วนใหญ่จึงจะเป็นไปแบบอัตโนมัติมากกว่า ทำให้คุณประหยัดเวลามากยิ่งขึ้นและเกิดความเสี่ยงจากความผิดพลาดจากมนุษย์น้อยลง
ข้อดีของการเทรดแบบ Arbitrage ในสินทรัพย์คริปโต
ข้อดีหลักๆ ของการเทรดแบบ Arbitrage ในสินทรัพย์คริปโต มีอะไรบ้าง?
- ความเสี่ยงต่ำ — ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ไร้ความเสี่ยงไปซะทีเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์ในการเทรดที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเป็นการซื้อขายในระยะสั้น, ไม่ต้องมีการวิเคราะห์เชิงเทคนิคใด ๆ และไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญใด ๆ เป็นพิเศษ เรียกว่า เล่นง่ายกว่า
- ไม่ค่อยโดนผลกระทบจากความผันผวน — การเทรดแบบ Arbitrage นั้นสามารถทำได้ ไม่ว่าตลาดซื้อขายจะผันผวนสูงหรือต่ำก็ตาม ซึ่งความผันผวนของราคาสินทรัพย์เหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อการเทรดมากนัก เนื่องจากการซื้อขายของเราจะทำด้วยความรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้บอทซื้อขาย
- เทรดได้ไม่ว่าจะอยู่ในตลาดหมีหรือกระทิง — กลยุทธ์การทำ Arbitrage นี้เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ โดยไม่ต้องสนใจสภาวะหรือเทรนด์ของตลาดซื้อขาย อย่างไรก็ตาม การเทรดในตลาดกระทิงจะช่วยให้คุณมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า
ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
ถึงแม้จะบอกว่าการเทรดแบบ Arbitrage นั้นมีความเสี่ยงต่ำ แต่การลงทุนใดๆ ก็มีความเสี่ยงเสมอ และนี่คือความเสี่ยงที่นักลงทุนควรจะระวังเอาไว้ครับ
- ความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆ — กลยุทธ์การเทรดแบบ Arbitrage นั้นจะเป็นการซื้อขายสินทรัพย์ในหลายๆ กระดานเทรดที่แตกต่างกัน ซึ่งในกระบวนการเหล่านั้น จะมีค่าใช้จ่ายแฝงเยอะ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการเทรด, ค่าเสปรด, ค่าใช้จ่ายในการโอนข้ามคริปโตข้ามแพลตฟอร์ม/กระดานเทรด เป็นต้น นักลงทุนจะต้องทำการตรวจสอบและคำนวนค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้ดี ไม่งั้นอาจจะสูญเสียกำไรที่ทำได้ไปกับค่าใช้จ่ายเหล่านี้เยอะแบบไม่รู้ตัว
- ความเสี่ยงของระบบ (กระดานเทรด) — เนื่องจากวิธีการเทรดนี้จะต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็วเพื่อที่จะสามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ปัญหาความล่าช้า หรือติดขัดเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะทำให้เราสูญเสียโอกาสของเราไปได้
- ความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย — วิธีเทรดแบบ Arbitrage จะเกี่ยวข้องกับการฝากเงินเข้า/ถอนเงินออก จากกระดานเทรดต่างๆ บ่อยครั้ง ดังนั้น อาจจะเกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยได้ ไม่ว่าจะเป็นการแฮ็ค/สแกม/หรือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากมนุษย์เอง
- ต้องใช้ประสบการณ์ในระดับหนึ่ง — สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการทำ Arbitrage คือควรจะต้องมีประสบการณ์การซื้อขายที่มากเพียงพอ เพื่อที่จะทำการซื้อขายบนกระดานเทรดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น
สรุป
เราน่าจะได้รับคำตอบกันไปแล้วว่า Arbitrage คืออะไร และถึงแม้ว่าการใช้วิธีเทรดแบบ Arbitrage จะช่วยให้เราทำกำไรได้โดยไม่มีความเสี่ยงมากนัก หรือไม่ต้องการทักษะการเทรดขั้นสูงให้วุ่นวาย แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการเทรดแบบ Arbitrage นั้นอาจจะต้องมีเงินทุนที่สูงหน่อย เพราะเป็นวิธีทำกำไรจากส่วนต่างของราคาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในรูปแบบใด เราก็ควรจะศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้รอบด้านอยู่เสมอ เพื่อเป็นการเพิ่มความเข้าใจในกลยุทธ์ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโอกาสในการทำกำไรให้มากขึ้นครับ
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์
