Trusted

Staking Crypto คืออะไร ทำยังไง ต้องระวังอะไรบ้าง ฉบับอัปเดต 2023

7 mins
อัพเดทโดย Apinat Phosuwan

Staking Crypto คือ รูปแบบการลงทุนคริปโตระยะยาวรูปแบบหนึ่ง แทนที่คุณจะถือและเก็บไว้เฉยๆ คุณสามารถสร้างรายรับหรือ Passive Income เพิ่มเติมได้ หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการให้เงินทำงาน การ Staking คริปโต อาจเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ตอบโจทย์ของคุณ

การ Staking คริปโต ริเริ่มมาจากระบบ Proof-of-Stake (PoS) ซึ่งเป็นเทรนด์ที่โปรโตคอลบล็อกเชนเริ่มนิยมพัฒนาและนำมาใช้มากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา

PoS ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการสิ้นเปลืองพลังงานจากการขุดในระบบ Proof-of-Work (PoW) อย่าง Bitcoin ที่ต้องมีต้นทุนทางอุปกรณ์ พลังงาน และ การรักษาบำรุง นอกจากนี้มันยังทำให้นักลงทุนเข้าถึงตัวผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างรายได้ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

การ Staking ในโลกคริปโต

การ Staking เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนฉันทามติ (Consensus Layer) ของระบบ PoS ที่จำเป็นต่อการตรวจสอบธุรกรรมหรือความถูกต้องของโหนด (Node) และถูกต่อยอดมาเป็นระบบ Delegated Proof-of-Stake (DPoS) ในบล็อกเชน นักลงทุนเพียงต้องนำเหรียญของแต่ละโปรโตคอลนั้นๆ มาล็อกไว้บนบล็อกเชน และเหรียญเหล่านั้นจะทำหน้าที่ พิสูจน์ธุรกรรมเสริมความปลอดภัยให้แก่เครือข่าย

ยิ่งมีจำนวนผู้ที่หลากหลายนำเหรียญมาล็อกไว้มากเท่าไหร่ เครือข่ายก็จะมีความปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น เปรียบเสมือนวิธีการในการกระจายอำนาจแบบหนึ่ง ในทางกลับกันนักลงทุนที่นำเหรียญของตัวเองมาล็อกเอาไว้จะได้ “ผลตอบแทน” จากการพิสูจน์ธุรกรรมตามสัดส่วนที่พวกเขาถือครอง

การนำเหรียญมาล็อกบนเครือข่าย ปัจจุบันมีวิธีที่ช่วยอำนาจความสะดวกให้แก่นักลงทุนมากขึ้น โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องนำเหรียญของตนเองไปล็อกเอาไว้โดยตรงที่เครือข่าย แต่จะมีผู้ให้บริการ Stake Provider หรือ Staking-as-a-Service อย่าง Binance หรือ Lido สำหรับการ Stake ETH ที่จะดำเนินการขั้นตอนต่างๆ แทน ซึ่งตัวกลางนี้จะรับฝากเหรียญจากนักลงทุนหลายๆ รายมารวมไว้เป็นก้อนหนึ่งและนำไปล็อกไว้ให้แทน

วิธีการ Staking Crypto

จริงๆ แล้วหากคุณมี Crypto Wallet เป็นของตัวเอง กระบวนการการ Staking คริปโต ไม่ใช่เรื่องยากและใช้เวลาไม่นานนัก

  1. ซื้อเหรียญที่ต้องการลงทุน

    เริ่มแรกคุณเพียงต้องซื้อเหรียญพื้นฐานของโปรโตคอล (Native Token) ของโปรโตคอลประเภท PoS มาก่อน ยกตัวอย่างเช่น เหรียญ SHIB ของ Shiba Inu และนำมาเก็บไว้ในกระเป๋าส่วนตัวอย่าง Metamask หรือ Crypto Wallet อื่นๆ
  2. ผูก Crypto Wallet กับ บล็อกเชน

    หลังจากถือเหรียญไว้ในกระเป๋าส่วนตัวแล้ว คุณเพียงต้องผูกกระเป๋าคุณกับสัญญาอัจฉริยะ (Smart contract) กับโปรโตคอลของเหรียญนั้นๆ โดยทั่วไปสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านหน้าเว็ปไซต์หลักของเหรียญนั้นๆ ได้เลย
  3. เลือก Node Validator และล๊อกเหรียญ

    เมื่อผูกกระเป๋าแล้ว ให้ค้นหาฟีเจอร์บนหน้าเว็ปไซต์ของโปรโตคอลนั้นๆ ซึ่งในบางครั้งคุณอาจโอนเหรียญเข้าไปฝากไว้ได้โดยตรงกับบนบล็อกเชนเลย หรือในบางครั้งคุณอาจต้องเลือก Node Validator ที่เป็นผู้เปิดโหนด กรณีนี้คุณต้องศึกษาเพิ่มเติมว่าโหนดนั้น ออนไลน์ตลอดเวลาไหม มีค่าธรรมเนียมหักเปอร์เซ็นเพิ่มเติมไหม
  4. รอรับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียม

    เมื่อเลือก Validator ได้แล้ว สัญญาอัจฉริยะจะขออนุญาตให้คุณโอนเหรียญเข้าไปล็อกไว้ หลังจากนั้นคุณเพียงรอรับส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียมการพิสูจน์ธุรกรรมได้เลย เมื่อมีคนทำธุรกรรมบนบล็อกเชน ค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งมายังคุณในฐานะที่เป็นผู้ร่วมตรวจสอบบัญชี ในการถอนออกบางโปรโตคอลจะกำหนดระยะเวลาการฝากขั้นต่ำไว้เช่น 30 วัน จึงจะสามารถถอนออกได้ และใช้เวลาดำเนินการถอน 7 วัน ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบล็อกเชน ดังนั้นคุณควรศึกษาความเสี่ยงก่อนซึ่งเราจะอธิบายในบทความนี้เช่นกัน
การ Staking คริปโต บน cosmostation
Cosmostation: For staking crypto on Cosmos

ประโยชน์การจาก Staking

การ Staking คริปโต มีประโยชน์ในหลายๆ แง่มุม สำหรับโปรโตคอลระบบ D/PoS ทำให้มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และประหยัดพลังงานทำให้ นักลงทุนสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมในการพิสูจน์บัญชีได้ง่ายขึ้น ทำให้มีการกระจายอำนาจที่มากขึ้นตาม และยังทำให้บล็อกเชน Scaling หรือรับจำนวนธุรกรรมได้มากขึ้นอีกด้วย

Staking คุ้มค่าจริงหรือไม่

แทนที่นักลงทุนจะเป็นเพียง HODLer ที่ถือครองเหรียญนั้นไว้เฉยๆ Tokenomic ระบบ D/PoS ทำให้เงินของพวกเขาสร้างรายได้เพิ่มเติมได้ แทนที่จะถือครองเอาไว้เฉยๆ และยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่โปรโตคอลที่พวกเขาไว้วางใจ

ก่อนการลงทุนบุคคลเหล่าย่อมมีแนวโน้มที่จะศึกษารายละเอียดและวิเคราะห์สินทรัพย์ที่พวกเขาจะลงทุนมาอย่างดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา White Paper หรือ Tokenomic เพื่อลงทุนในระยะยาว ดังนั้นมันจึงคุ้มค่าหากโปรโตคอลเหล่านั้นแข็งแกร่งพอ คุณจะได้รับ Passive Income คล้ายกับการถือหุ้นเพื่อเอาปันผล

ความเสี่ยงของการ Staking Crypto

การลงทุนทุกประเภทย่อมมีความเสี่ยงและการ Stake คริปโตก็มีเช่นกัน

  1. ความปลอดภัย และภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cybersecurity)

    การล็อกเหรียญของคุณไว้ที่บล็อกเชน นั้นหมายความว่า หากบล็อกเชนนั้นหละหลวมหรือมีช่องโหว่ เหล่าแฮคเกอร์อาจโจมตีและขโมยเงินทั้งหมดนั้นออกไป นั่นหมายความว่า คุณจะสูญเสียเงินต้นทั้งหมด เพราะเม็ดเงินที่ถูกล๊อกไว้มักมีมูลค่าสูงทำให้ตกเป็นเป้าโจมตีของแฮคเกอร์ นอกจากนี้ยังต้องระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่อาจสร้างโปรเจคปลอมๆ มาหลอกลวงและ rug pull
  2. ราคาของสินทรัพย์ และสภาพคล่อง

    ราคาสินทรัพย์คริปโตเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า มีความผันผวนสูง ในขณะที่คุณนำเหรียญไปล็อกไว้และไม่สามารถถอนออกมาได้ ราคาสินทรัพย์อาจต่ำลงหรือบางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น

    คุณจะไม่สามารถถอนเงินของคุณออกมาได้ทันหรือ ใช้เทคนิคการ cut loss ใดๆ ได้เลย การลงทุนลักษณะนี้จึงมีสภาพคล่องที่ต่ำ และนักลงทุนควรศึกษาปัจจัยนี้ให้ดีพร้อมวางแผนความเสี่ยงไว้ตั้งแต่ก่อนนำไปล็อกไว้ ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้น
  3. รายรับไม่คงที่

    รายรับจากการล็อกเหรียญอาจไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับความแออัดบนบล็อกเชน และจำนวนส่วนแบ่งบนบล็อกเชน ณ ขณะนั้น นั่นหมายความว่าตัวเลข APR หรือ APY อาจแกว่งได้ตลอดเวลา

    วันที่คุณเริ่มล็อกเหรียญ คุณอาจได้ APR 10% แต่อาทิตย์ต่อมาอาจเหลือแค่ 3% หรืออาจเพิ่มขึ้นเป็น 15% ก็ได้ ดังนั้นในบางครั้งคุณอาจจะประเมินกำไรได้ยากขึ้นและไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่หวังไว้
ความเสี่ยงในการ Staking Crypto

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ Staking คริปโต

ก่อนจะนำเหรียญของคุณไปล็อกไว้บนบล็อกเชน คุณต้องพิจารณาก่อนว่า ผลิตภัณฑ์การลงทุนนี้เหมาะสมกับคุณหรือไม่

  • ลงทุนระยะยาว หรือ ระยะสั้น

    หากคุณเทรดตามข่าวหรือกระแส เพื่อเก็งกำไรในระยะสั้นๆ การนำเหรียญไป Stake ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม และไม่ควรทำ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น หากคุณซื้อเหรียญหนึ่งมา เพราะคาดว่าอาทิตย์หน้าจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ในหนึ่งอาทิตย์นั้นสินทรัพย์อาจเติบโต 5-10% ภายในวันเดียวเลยก็ได้ แต่การ APY จากการ Stake Crypto อาจอยู่ที่ 3% แต่คุณต้องถือ 365 วัน

    แต่หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวหรือ HODLer ที่วางแผนมาอย่างดี คุณอาจเริ่มเข้าเก็บสะสมเหรียญนั้นๆ ในช่วงตลาดหมี โดยมีกลยุทธ์วางแผนเข้าซื้อมาอย่างดี และคุณแค่ต้องการรอให้ตลาดกลายเป็นขาขึ้น ซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานหลายเดือนหรือเป็นปี คุณนำส่วนที่สะสมนั้นมา Stake และสร้างรายรับเพิ่มแทนที่จะถือไว้เฉยๆ ผลิตภัณฑ์นี้จะตอบโจทย์คุณได้เป็นอย่างดี
  • วางแผนการลงทุน

    การ Stake เป็นการออมหวังผลระยะยาว คุณต้องเลือกโปรโตคอลที่มีความแข็งแกร่ง เพื่อลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด โปรโตคอลที่คุณควรลงทุน ต้องมีความปลอดภัยสูง มีการกระจายอำนาจสูง มีผู้คนใช้งานจริงและมีโอกาสเติบโตขยายฐานผู้ใช้งานในระยะยาว

    นอกจากนี้คือ การจัดสรรการลงทุนของคุณเองว่า คุณสามารถเสี่ยงการสูญเสียเงินต้นทั้งหมดได้ไหมและจำนวนเท่าไหร่ในกรณีที่คุณพลาด เงินส่วนนี้ไม่ควรเป็นเงินร้อนและไม่ควรเป็นเงินที่คุณจะต้องนำมาใช้
  • ความผันผวน และ Market Cap

    ความผันผวนของสินทรัพย์ มักสะท้อนถึง Market cap ของเหรียญนั้นๆ ยิ่งเหรียญเล็กควรผันผวนยิ่งสูง ราคายิ่งผันผวน คุณควรเข้าใจในธรรมชาติของโทเค็นที่คุณจะลงทุนในระยะยาว โดยทั่วไปเหรียญที่ความผันผวนต่ำมักเป็นเหรียญ Top5 แต่คุณก็จะได้ APY ที่น้อยกว่าเหรียญขนาดเล็กที่ความเสี่ยงสูงกว่า เพราะมีจำนวนคนที่จะต้องได้รับรางวัลจากบล็อกเชนน้อยกว่า

สรุปประเด็นสำคัญ

การลงทุน Staking Crypto เป็นหนึ่งในระบบ DeFi ควรเป็นการลงทุนระยะยาว และวางแผนการจัดสรรเงินทุนกับความเสี่ยงมาอย่างดีว่าคุ้มค่าหรือไม่ นั่นหมายความว่า คุณควรศึกษารายละเอียดของโปรโตคอลนั้นๆ ไม่ว่าจะผ่าน Tokenomics, Whitepaper, APY และ APR หรือ แม้แต่โค้ดบน Blockchain ว่ามีช่องโหว่หรือไม่ รวมถึงอนาคตในระยะยาวว่าโปรโตคอลนั้นๆ จะเติบโตหรือไม่ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะทำให้การถือคริปโตระยะยาวสามารถทำกำไรได้เพิ่มเติม แทนที่จะถือครองไว้เฉยๆ

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤศจิกายน 2024
แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤศจิกายน 2024
แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤศจิกายน 2024

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

IMG_4466-1.png
Nonthachai Sukkankosol
นนทชัย สักการโกศล จบการศึกษาปริญญาโท ด้านการวิจัยผลงานศิลปะร่วมสมัย จาก SOAS University of London แต่ผันตัวมาเป็นผู้แนะนำการลงทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ Finansia Syrus Securities PLC. เขาถือใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุนตราสารทุน ตราสารหนี้และกองทุนรวม และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงใบรับรองด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค CMT ระดับ 2 จาก CMT Association ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ และเริ่มลงทุนคริปโตเคอเรนซี่มาตั้งแต่ปี 2016
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน