ดูเพิ่มเติม

7 สุดยอดโปรเจกต์ Web3 ที่กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรม

24 mins
โดย Iulia Vasile
แปลแล้ว Akradet Mornthong

“โปรเจกต์ Web3 ชั้นนำ” มากมายกำลังก้าวข้ามขอบเขตของ Blockchain, NFTs, Smart Contracts, และ DeFi ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำให้คุณรู้จักกับ “สุดยอดโปรเจกต์ Web3” ที่เป็นผู้นำในเรื่องการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ, การปฏิวัติความสามารถในการปรับขนาดของ Web3, การสื่อสารข้ามเครือข่าย, โปรโตคอลความปลอดภัย และการสื่อสารที่ล้ำสมัย

“สุดยอดโปรเจกต์ Web3” มีโปรเจกต์ใดบ้าง?

รายชื่อของ สุดยอดโปรเจกต์ Web3

โปรเจกต์ที่ 1: Ethereum

Ethereum มีความโดดเด่นในโลกของ Web3 เป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาเป็นรากฐานสำคัญสำหรับโปรเจกต์ต่างๆ มากมาย Ethereum เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและปลอดภัย และเหมาะสำหรับการใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จะดำเนินการโดยอัตโนมัติเมื่อตรงตามเงื่อนไขบางประการ สิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้ Ethereum กลายมาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด Web3

แพลตฟอร์มนี้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการธุรกรรมให้ได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึง การลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมลง ความมุ่งมั่นดังกล่าวได้นำพวกเขาไปสู่ “Ethereum 2.0” ซึ่งเป็นการผสานรวมเอาระบบฉันทามติ Proof-of-Stake เข้ามา นั่นหมายความว่า ระบบนิเวศของพวกเขามีความพร้อมที่จะรองรับทั้งโปรเจกต์ Web3 ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ที่สนใจในการสร้างเส้นทางอาชีพในสาขาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ การสำรวจงานเกี่ยวกับนักพัฒนาบล็อกเชนจะแสดงให้เห็นถึงโอกาสมากมายในเทคโนโลยีบล็อกเชน

การเติบโตของ Ethereum สามารถเห็นได้จากมูลค่าของ ETH — ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของเครือข่าย — ที่เพิ่มสูงขึ้น ณ เดือนพฤศจิกายน 2023 ETH เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 2 รองจาก BTC เพียงเท่านั้น และในขณะที่ “โซลูชั่นเลเยอร์ 2” จำนวนมากกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ความสำคัญของเครือข่ายพื้นฐานอย่าง Ethereum ก็จะยิ่งเด่นชัดยิ่งขึ้น เมื่อมีการเปิดตัวและพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆ มากขึ้นบนเครือข่ายของพวกเขา

การเติบโตของ Ethereum และ Bitcoin สามารถเปรียบเทียบกันได้ในแผนภูมิด้านล่างนี้

แผนภูมิราคา Ether vs BTC
Ether vs BTC: CoinGecko

ฟีเจอร์หลัก

  • Smart Contracts: สัญญาที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองโดยมีเงื่อนไขของข้อตกลงเขียนลงไปในโค้ดโดยตรง สัญญาเหล่านี้ทำงานบนบล็อกเชน และจะดำเนินการโดยอัตโนมัติเมื่อตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด
  • Ethereum Virtual Machine (EVM): แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์อันทรงพลังที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างและใช้งานแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (DApps) ได้
  • การกระจายอำนาจ: ทำงานบนเครือข่ายโหนดสาธารณะทั่วโลก ซึ่งหมายความว่า มันไม่มี Single Point of Failure (ส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบที่ถ้าเกิดล้มเหลวขึ้นมา จะทำให้ระบบทั้งหมดหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิง) ซึ่งทำให้เครือข่ายมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
  • เทคโนโลยีบล็อกเชน: บัญชีแยกประเภทสาธารณะของ Ethereum ที่จะบันทึกธุรกรรมทั้งหมด ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และสามารถตรวจสอบได้
  • ค่าแก๊ส: ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมใน Ethereum — หรือที่เรียกว่า “แก๊ส” — จะถูกชำระในสกุลเงิน Ether (ETH) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลประจำเครือข่าย ค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความซับซ้อนในการคำนวณ, ปริมาณแบนด์วิธที่ใช้, และพื้นที่เก็บข้อมูลที่ต้องการ
  • กลไกฉันทามติ: Ethereum เริ่มต้นด้วยการเป็นบล็อกเชนแบบ Proof-of-Work (PoW) และได้เปลี่ยนมาเป็น Proof-of-Stake (PoS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและความสามารถในการปรับขนาด
  • การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเค็น: Ethereum อนุญาตให้สร้างโทเค็น (เช่น ERC-20, ERC-721 และอื่นๆ) ที่สามารถใช้เป็นตัวแทนของสินทรัพย์หรือประโยชน์การใช้งานอื่นๆ ได้
  • ความสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างอิสระ: มาตรฐานแบบเปิดของ Ethereum ช่วยให้ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันบนเครือข่ายได้

อิทธิพลที่มีต่ออุตสาหกรรม

Ethereum มีอิทธิพลอย่างมากต่อต่ออุตสาหกรรม Web3 โดยการเป็นผู้นำในด้านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) และแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (DApps) แพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นของพวกเขาได้นำไปสู่การเติบโตของการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และความรุ่งเรืองของ Non-Fungible Tokens (NFTs) ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกรรมและข้อตกลงทางดิจิทัลไปอย่างสิ้นเชิง Ethereum มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านความสามารถในการปรับขนาดและประสิทธิภาพต่างๆ ซึ่งช่วยกำหนดมาตรฐานให้กับแวดวงอุตสาหกรรม และขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ทั่วทั้งระบบนิเวศของ Web3

โปรเจกต์ที่ 2: Flare Network

Flare Network เป็นโปรเจกต์ Web3 ในอันดับต้นๆ ที่ปฏิวัติแนวคิดของฟังก์ชั่นการทำงานแบบข้ามเครือข่าย (Cross-Chain) แทนที่จะใช้โทเค็นบริดจ์ที่ช้าและปลอดภัยน้อยกว่าเหมือนระบบเก่า Flare นำเสนอโซลูชั่นที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ช่วยให้เครือข่ายบล็อกเชนต่างๆ สามารถโต้ตอบกันได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย ความสามารถในการทำงานร่วมกันนี้จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จในการกระจายอำนาจในอนาคตของอุตสาหกรรม Web3

แนวทางของ Flare จะช่วยจัดการกับความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความไร้ประสิทธิภาพของโทเค็นบริดจ์แบบดั้งเดิม ด้วยการนำเสนอวิธีที่เร็วกว่าและปลอดภัยกว่าในการย้ายโทเค็นข้ามเครือข่ายต่างๆ เครือข่ายนี้จึงสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือให้กับระบบนิเวศบล็อกเชนโดยรวมไปได้เป็นอย่างมาก

Flare ได้รับความนิยมเนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อนักพัฒนา เครือข่ายนี้ยังมีรางวัลจูงใจที่ครอบคลุม ซึ่งเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้นักพัฒนาเข้ามามีส่วนร่วมและพัฒนาระบบนิเวศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น การสนับสนุนนี้ช่วยส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึง การพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายบน Flare Network

หนึ่งในฟีเจอร์หลักของ Flare ก็คือ State Connector เครื่องมือที่จะช่วยให้แอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (DApps) บน Flare สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลภายนอกได้ ช่วยเชื่อมต่อบล็อกเชนเข้ากับข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แอปพลิเคชั่นเหล่านี้มีประโยชน์การใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

คุณจะมีทักษะที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับโปรเจกต์ Web3 ชั้นนำได้หรือไม่? ลองมาดูบทความเกี่ยวกับงาน Web3 ของเราเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมดูสิ!

ฟีเจอร์หลัก

  • การทำงานร่วมกันข้ามเครือข่าย: Flare ช่วยให้เครือข่ายบล็อกเชนต่างๆ สามารถโต้ตอบกันได้อย่างราบรื่น ช่วยให้การทำธุรกรรมและการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • เสริมความปลอดภัย: Flare จัดการกับจุดอ่อนของโทเค็นบริดจ์แบบเก่า และนำเสนอวิธีที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นสำหรับการทำธุรกรรมข้ามเครือข่าย และลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาด้านความปลอดภัย
  • State Connector: เครื่องมือพิเศษที่จะช่วยให้แอปพลิเคชั่นบน Flare ****ใช้ข้อมูลจากโลกแห่งความเป็นจริงได้ State Connector ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายบล็อกเชนและแหล่งข้อมูลจากภายนอก
  • รางวัลจูงใจสำหรับนักพัฒนา: Flare เสนอรางวัลทางการเงินและการสนับสนุนให้กับนักพัฒนา ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และช่วยให้เกิดการเติบโตภายในเครือข่าย
  • กรอบการทำงานแบบกระจายอำนาจ: พวกเขาสนับสนุนแนวคิดเรื่องการกระจายอำนาจ โดยทำให้แน่ใจว่า การดำเนินงานและการทำธุรกรรมจะไม่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานใดๆ ช่วยเพิ่มความไว้วางใจและความโปร่งใสให้กับเครือข่าย
  • ประสิทธิภาพและความรวดเร็ว: สถาปัตยกรรมของ Flare นั้นรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเครือข่ายบล็อกเชนแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องการจัดการฟังก์ชั่นต่างๆ ข้ามเครือข่าย

อิทธิพลที่มีต่ออุตสาหกรรม

Flare Network ซึ่งเป็นโปรเจกต์ชั้นนำในพื้นที่ Web3 ผลักดันแนวคิดใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารข้ามเครือข่ายขั้นสูง พวกเขาทำให้มาตรการด้านความปลอดภัยของ Web3 ดียิ่งขึ้น ช่วยให้แพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และตลาดซื้อขาย NFT มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การผสานรวมสัญญาอัจฉริยะและโซลูชั่นข้อมูลแบบกระจายอำนาจของ Flare ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาโซลูชั่นการปรับขนาด Web3 ทำให้พวกเขามีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาวิธีการใช้งานบล็อกเชนใน Web3 Games, Metaverses และ DAO

ค้นหางานในฝันของคุณ

BeInCrypto Job Board

เริ่มเส้นทางอาชีพ Remote Web3 Work ของคุณได้แล้ววันนี้!

ผู้เชี่ยวชาญในการรีวิว CV ของ BeInCrypto

โปรเจกต์ที่ 3: Ocean Protocol

Ocean Protocol เป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ Web3 ชั้นนำที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการแชร์, ขาย, และใช้งานข้อมูล นี่คือโปรโตคอลการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบกระจายอำนาจที่ช่วยให้บุคคลและองค์กรสามารถแลกเปลี่ยนและสร้างรายได้จากข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว จุดประสงค์หลักของพวกเขาก็คือการเป็นโปรเจกต์เพื่อแบ่งปันข้อมูลสำหรับโปรเจกต์ AI ใหม่ๆ ด้วยการผสานรวมปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับเทคโนโลยี Web3 โปรโตคอลนี้จะช่วยให้เจ้าของข้อมูลสามารถสร้างรายได้จากข้อมูลของตนเองได้ไปพร้อมๆ กับเป็นตลาดซื้อขายสำหรับผู้บริโภค โทเค็น ERC-20 ของโปรเจกต์อย่าง OCEAN ก็ถือเป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัล AI ชั้นนำเช่นกัน

ในตลาดการจ้างงาน การผสมผสาน AI และ Blockchain เข้าด้วยกันในโปรเจกต์ต่างๆ เช่น Ocean Protocol จะก่อให้เกิดสายงานพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในงานฟรีแลนซ์ที่ได้รับค่าตอบแทนสูงสุดในภาคส่วนเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลก็เป็นได้

ฟีเจอร์หลัก

  • แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบกระจายอำนาจ: Ocean Protocol ช่วยให้สามารถแบ่งปันและซื้อขายข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและโปร่งใส และช่วยให้เกิดตลาดซื้อขายข้อมูลที่มีการกระจายอำนาจ
  • การแปลงข้อมูลเป็นโทเค็น: พวกเขาช่วยอำนวยความสะดวกในการแปลงข้อมูลให้เป็นสินทรัพย์ที่สามารถซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนโดยใช้โทเค็นของ Ocean ได้
  • อำนาจในการควบคุมข้อมูลและความเป็นส่วนตัว: โปรโตคอลนี้ทำให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานสามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ที่ให้ข้อมูลจะเป็นเจ้าของและควบคุมข้อมูลของตนได้อย่างสมบูรณ์
  • โทเค็น OCEAN: ใช้ในเครือข่ายสำหรับทำธุรกรรม, สนับสนุนผู้ให้บริการข้อมูล, และการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแล
  • Staking และ การกำกับดูแล: เจ้าของโทเค็น OCEAN สามารถล็อกโทเค็นของตนเพื่อมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเครือข่ายได้
  • การผสานรวมของ AI และ Blockchain: Ocean ผสมผสานเทคโนโลยี AI และ Web3 เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำหรับบริการข้อมูลและแอปพลิเคชั่นที่ขับเคลื่อนโดย AI

อิทธิพลที่มีต่ออุตสาหกรรม

Ocean Protocol ช่วยให้ผู้คนสามารถทำการแลกเปลี่ยนและสร้างรายได้จากข้อมูลได้ด้วยวิธีการแบบกระจายอำนาจ โดยการผสานรวมจุดเด่นของ AI และ Blockchain เข้าด้วยกัน ซึ่งแตกต่างจากหลายๆ โปรเจกต์ที่ใช้งาน AI และระบบอัตโนมัติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ประโยชน์ใช้งานที่ชัดเจนของ Ocean Protocol จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแอปพลิเคชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในภาคส่วนต่างๆ เช่น DeFi และ ตลาดซื้อขาย NFT เป็นต้น

โปรเจกต์ที่ 4: Oasis Network

สถาปัตยกรรมของ Oasis Network ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน, รองรับการแปลงข้อมูลเป็นโทเค็น, และช่วยให้ผู้ใช้’koสามารถควบคุมและสร้างรายได้จากสินทรัพย์ข้อมูลของตนได้อย่างปลอดภัย คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ Oasis Network มีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยภายในภาคส่วน Web3 และ AI

โทเค็นของเครือข่ายอย่าง ROSE รองรับการกำกับดูแลและการ Staking รวมถึง ช่วยสร้างแรงจูงใจให้เกิดการมีส่วนร่วมในการใช้งาน

แผนภูมิราคาของ ROSE
แผนภูมิราคาของ ROSE: BeInCrypto

Oasis Network มุ่งเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการจัดเก็บข้อมูลและโซลูชั่นความเป็นส่วนตัวบน Web3 และในขณะเดียวกัน ก็ยังเน้นย้ำถึงความต้องการผู้เชี่ยวชาญที่สามารถจัดการและเขียนโค้ดระบบเหล่านี้ได้

ฟีเจอร์หลัก

  • การป้องกันความเป็นส่วนตัวแบบกระจายอำนาจ: Oasis Network นำเสนอแนวทางในการปกป้องความเป็นส่วนตัวที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อให้แน่ใจว่า ข้อมูลผู้ใช้งานจะยังคงเป็นความลับและมีความปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลและความเป็นส่วนตัวบน Web3
  • การแปลงข้อมูลเป็นโทเค็น: พวกเขาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแปลงข้อมูลของตนเองให้เป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและสามารถนำไปซื้อขายได้ ซึ่งเป็นการสนับสนุนวิธีการใหม่ๆ ในการแบ่งปันข้อมูลและโทเค็นโนมิกส์ของ Web3
  • ความสามารถในการประมวลผลอย่างเป็นความลับ: Oasis Network ใช้เทคนิคการประมวลผลที่มีความปลอดภัย ทำให้มั่นใจได้ถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโปรโตคอลความปลอดภัยบน Web3
  • Smart Contracts สำหรับแอปพลิเคชั่นที่เน้นความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก: เครือข่ายรองรับ Smart Contracts ที่เน้นในเรื่องการปกป้องข้อมูล ทำให้สามารถสร้าง DApps ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยในโปรเจกต์ Web3 Games, DeFi และ Metaverse ได้
  • ROSE โทเค็นสารพัดประโยชน์: ROSE โทเค็นประจำเครือข่าย ช่วยอำนวยความสะดวกให้ใช้งานกับฟังก์ชั่นต่างๆ บนเครือข่ายได้ รวมไปถึง การกำกับดูแล, Staking และสร้างแรงจูงใจในการมีส่วนร่วม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจใน Web3
  • กลไกฉันทามติที่สามารถปรับขนาดได้และมีความปลอดภัย: กลไกฉันทามติของ Oasis Network ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้โปรเจกต์บล็อกเชนบนเครือข่าย Web3 สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

อิทธิพลที่มีต่ออุตสาหกรรม

Oasis Network เป็นผู้นำในโซลูชั่นบล็อกเชนที่มุ่งเน้นในเรื่องความเป็นส่วนตัวและปรับปรุงโปรโตคอลความปลอดภัยของข้อมูล พวกเขายังรองรับ Smart Contracts ขั้นสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi), Web3 Games, และโปรเจกต์ Metaverse

ด้วยโทเค็น ROSE ทำให้ Oasis นำเสนอประโยชน์ใช้งานที่ชัดเจนของโทเค็นโนมิคส์ Web3 และการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจ ความมุ่งมั่นในการสร้างโซลูชันบล็อกเชนที่ยั่งยืนและปรับขนาดได้นั้นสอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของระบบนิเวศ Web3 ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้เล่นหลักในการสร้างสรรค์นวัตกรรมบล็อกเชนและแอปพลิเคชั่นที่มีความปลอดภัยและเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง

โปรเจกต์ที่ 5: Biconomy

Biconomy ทำให้การใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โปรเจกต์ Web3 ชั้นนำรายนี้เข้ามาช่วยแก้หนึ่งในปัญหาที่สำคัญที่สุดในโลกแห่งการกระจายอำนาจ: ความซับซ้อนของธุรกรรมบล็อกเชน ด้วยการลดความซับซ้อนของธุรกรรมเหล่านี้ Biconomy จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ในการใช้งาน ทำให้ผู้คนสามารถใช้แอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (DApps) ได้ง่ายมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิคมากนัก

การทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้นเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ผู้คนหันมาใช้งานเทคโนโลยี Web3 รวมถึง แพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และตลาดซื้อขาย NFT ได้มากยิ่งขึ้น

หลักสำคัญของ Biconomy คือการใช้แนวทางใหม่ๆ ในการจัดการค่าแก๊ส (ค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการบนเครือข่ายเช่น Ethereum) ช่วยให้นักพัฒนา DApp สามารถช่วยลดภาระของค่าธรรมเนียมเหล่านี้ได้ ช่วยให้การทำธุรกรรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดต้นทุนสำหรับผู้ใช้งาน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ Web3 ในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน

ฟีเจอร์หลัก

  • ทำให้การทำธุรกรรมง่ายมากขึ้น: เป้าหมายของ Biconomy คือการทำให้ธุรกรรมบล็อกเชนเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความซับซ้อนของวิธีที่ผู้ใช้งานโต้ตอบกับแอปพลิเคชั่นกระจายอำนาจ (DApps)
  • การจัดการค่าแก๊ส: พวกเขานำเสนอวิธีการที่สร้างสรรค์ในการจัดการกับค่าแก๊ส ซึ่งเป็นการเปิดตัวเลือกให้นักพัฒนา DApp สามารถครอบคลุมค่าธรรมเนียมเหล่านี้ได้ ส่งผลให้ราคามีความเสถียรและเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น
  • ความเข้ากันได้แบบข้ามเครือข่าย: Biconomy ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รองรับธุรกรรมข้ามเครือข่าย และเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่ายบล็อกเชนต่างๆ
  • Meta-Transactions: คุณสมบัตินี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน DApps ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีโทเค็นบล็อกเชน ทำให้กระบวนการต่างๆ มีความง่ายมากขึ้น และช่วยให้ผู้คนใช้งานได้ง่ายมากขึ้นด้วย
  • SDK และ APIs: Biconomy มีชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) และ API ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถผสานรวมฟีเจอร์ต่างๆ เข้ากับ DApps ของตนได้ง่ายขึ้น สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานและเพิ่มการมีส่วนร่วมได้
  • แนวทางแบบ Non-Custodial: Biconomy ทำให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานจะสามารถควบคุมทรัพย์สินของตนได้อย่างเต็มที่

อิทธิพลที่มีต่ออุตสาหกรรม

Biconomy กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม Web3 โดยทำให้การทำธุรกรรมบล็อกเชนสะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเข้าถึงและประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม แนวทางใหม่ในการจัดการค่าแก๊สของ Biconomy และความสามารถในการทำงานร่วมกันได้แบบข้ามเครือข่าย จะช่วยให้ผู้คนใช้งาน DApps ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ DeFi และ NFT

โปรเจกต์ที่ 6: Render

หน้าเว็บของโปรเจกต์ Render

โปรเจกต์ Render ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเปลี่ยนแปลงการเรนเดอร์งานกราฟิกดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เกม, ความเป็นจริงเสมือน, และการสร้างภาพยนตร์ เป็นต้น

Render ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum สร้างเครือข่ายแบบกระจายอำนาจสำหรับการเรนเดอร์ภาพกราฟิก 3 มิติ โดยใช้พลังของ GPU ที่ไม่ได้มีการใช้งานจากทั่วทั้งโลก ผู้เข้าร่วมที่สนับสนุนพลัง GPU เหล่านี้ จะได้รับรางวัลเป็น RNDR โทเค็นดั้งเดิมของเครือข่าย Render

กระบวนการเหล่านี้ที่มีการดำเนินการผ่านบล็อกเชนจะช่วยให้การเรนเดอร์งานและการแจกจ่ายโทเค็นมีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ทำให้การเรนเดอร์งานคุณภาพสูงสะดวกมากยิ่งขึ้น และมอบประโยชน์การใช้งานใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นในการใช้เทคโนโลยี Web3 อย่างต่อเนื่อง

ฟีเจอร์หลัก

  • เครือข่ายการเรนเดอร์แบบกระจายอำนาจ: ใช้เครือข่ายของ GPU เพื่อการเรนเดอร์ภาพกราฟิก 3D ที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูง ทำให้สามารถเข้าถึงภาพกราฟิกขั้นสูงได้มากขึ้น
  • ใช้งานทรัพยากร GPU ที่ไม่ได้ใช้งาน: ใช้ประโยชน์จากพลังของ GPU ที่ไม่ได้ใช้งานจากคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ส่งมอบโซลูชั่นที่คุ้มค่าสำหรับการเรนเดอร์งาน
  • โทเค็นเศรษฐกิจ RNDR: Render Token (RNDR) เป็นสกุลเงินดิจิทัลของเครือข่าย ซึ่งใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม, เป็นรางวัลให้กับผู้ให้บริการ GPU, และให้บริการเรนเดอร์งานภายในระบบนิเวศ
  • ความโปร่งใสที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน: ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อทำให้การแชร์ความสามารถในการเรนเดอร์งานและการแจกจ่ายรางวัลมีความปลอดภัยและชัดเจน
  • แพลตฟอร์มที่สามารถใช้งานได้ง่ายสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์: นำเสนอแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้ง่ายสำหรับเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เช่น เกมเมอร์ และ ผู้สร้างภาพยนตร์ที่ต้องการใช้งานบริการเรนเดอร์คุณภาพสูง
  • การมีส่วนร่วมและการสร้างแรงจูงใจ: อนุญาตให้เจ้าของ GPU แบ่งปันทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้งานกับเครือข่ายและได้รับรางวัล กระตุ้นให้พวกเขามีส่วนร่วมและยินดีที่จะแบ่งปันทรัพยากร

อิทธิพลที่มีต่ออุตสาหกรรม

โปรเจกต์ Render Network กำลังจะเข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนเกมในอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาการเรนเดอร์งานกราฟิกดิจิทัล เช่น การเล่นเกมและการสร้างภาพยนตร์ โดยนำเสนอวิธีการประมวลผลกราฟิก 3D แบบกระจายอำนาจและประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร GPU ที่ไม่ได้มีการใช้งานทั่วโลก ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการเรนเดอร์งานคุณภาพสูงได้ พร้อมๆ กับการใช้งานฮาร์ดแวร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การใช้งานบล็อคเชนทำให้มั่นใจได้ถึงการกระจายงานที่โปร่งใสและยุติธรรม สร้างระบบนิเวศที่เจ้าของ GPU สามารถสร้างรายได้จากทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้งานได้ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์สามารถเข้าถึงความสามารถในการประมวลผลภาพได้ในราคาประหยัด การผสมผสานอันชาญฉลาดของเทคโนโลยีบล็อกเชนและการเรนเดอร์นี้กำลังจะพลิกโฉมหน้าของการประมวลผลเนื้อหาดิจิทัลไปอย่างสิ้นเชิง

โปรเจกต์ที่ 7: Injective

โปรเจกต์ Injective เป็นแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ที่เป็นที่รู้จักกันในด้านบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสำหรับการสร้างและซื้อขายตราสารทางการเงินต่างๆ แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างตลาดซื้อขายใหม่ๆ ได้ รวมไปถึง ตลาดซื้อขายอนุพันธ์และฟิวเจอร์ส ในระบบนิเวศที่มีการกระจายอำนาจและไม่มีข้อจำกัดการเข้าถึงใดๆ

Injective ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนขั้นสูงเพื่อมอบประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัย, รวดเร็ว, และกระจายอำนาจอย่างเต็มรูปแบบให้กับผู้ใช้งาน ทำให้มันกลายเป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานที่หลากหลายในพื้นที่ DeFi การให้ความสำคัญกับความสามารถในการทำงานร่วมกันและฟีเจอร์ที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง คือสิ่งที่ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในระบบนิเวศทางการเงินที่มีการกระจายอำนาจ

ฟีเจอร์หลัก

  • การซื้อขายตราสารทางการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi): นำเสนอแพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจเต็มรูปแบบสำหรับการซื้อขายตราสารทางการเงินต่างๆ รวมถึงอนุพันธ์และฟิวเจอร์ส
  • บล็อกเชนประสิทธิภาพสูง: สร้างขึ้นบนเครือข่ายบล็อกเชนความเร็วสูง ช่วยให้ได้รับประสบการณ์การซื้อขายที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ.
  • ความสามารถในการทำงานร่วมกันได้: ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันแบบข้ามเครือข่ายได้ ทำให้สามารถทำงานร่วมกับบล็อกเชนต่างๆ ได้อย่างราบรื่น
  • การสร้างตลาดที่เข้าร่วมได้อย่างไร้ข้อจำกัด: ผู้ใช้งานสามารถสร้างและขึ้นทะเบียนตลาดของตนเองได้ ซึ่งช่วยส่งเสริมแนวคิดใหม่ๆ และเพิ่มความหลากหลายให้กับตัวเลือกในการซื้อขาย
  • ระบบที่ปลอดภัยและไร้ตัวกลาง: ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงเพื่อให้แน่ใจว่าการซื้อขายจะมีความปลอดภัยและไร้ตัวกลางมาควบคุม
  • ไม่มีค่าแก๊ส: มอบประสบการณ์การซื้อขายโดยไม่มีค่าแก๊ส ทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

อิทธิพลที่มีต่ออุตสาหกรรม

ความสามารถในการสร้างตลาดที่ไร้ข้อจำกัดของโปรเจกต์ Injective จะช่วยเพิ่มความเป็นประชาธิปไตยทางการเงิน ในขณะที่ความสามารถในการทำงานร่วมกันและการไร้ค่าแก๊สจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงและประสิทธิภาพให้กับแพลตฟอร์ม คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ Injective กลายเป็นผู้นำในการปรับปรุงและพัฒนาชีดความสามารถของพื้นที่ Web3 และ DeFi

Web3 มีอนาคตที่สดใสหรือไม่?

Web3 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ

ดูเหมือนว่า Web3 จะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน การเติบโตของโปรเจกต์ Web3 ชั้นนำในด้านต่างๆ เช่น แพลตฟอร์ม DeFi, ตลาดซื้อขาย NFT และเกม Web3 แสดงให้เห็นถึงความสนใจและการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่นี้

พัฒนาการเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ๆ ในโลกบล็อกเชน นำเสนอวิธีการใหม่ในการโต้ตอบและมีส่วนร่วมในแบบออนไลน์ โปรเจกต์เหล่านี้ยังก่อให้เกิดงาน Web3 จำนวนมากสำหรับผู้ที่กำลังมองหาความก้าวหน้าในภาคส่วนเทคโนโลยี (รวมไปถึงงานที่ไม่ใช่สายเทคด้วยเช่นกัน) Smart Contracts ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ Web3 ช่วยให้สามารถทำธุรกรรมได้โดยอัตโนมัติและไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปใช้งานได้ในหลายๆ พื้นที่ตั้งแต่กับ DeFi ไปจนถึง การตรวจสอบตัวตนแบบดิจิทัล ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพได้เป็นอย่างมาก

DAO (องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายอำนาจ) เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญของ Web3 ที่ทำให้รูปแบบการกำกับดูแลและกระบวนการตัดสินใจในลักษณะแบบกระจายอำนาจถูกนิยามใหม่

ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการสื่อสารข้ามเครือข่ายและโซลูชั่นการปรับขนาด Web3 กำลังเข้ามาจัดการกับปัญหาดั้งเดิมที่ระบบบล็อกเชนรุ่นก่อนๆ เผชิญอยู่ เช่น ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และ ความรวดเร็วในการทำธุรกรรม นอกจากนี้ การโฟกัสไปที่โซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของ Web3 ยังสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลของตนของให้เป็นส่วนตัวและทำให้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้งานเอง

โปรเจกต์บล็อกเชนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมช่วยทำให้ Web3 ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทคโนโลยี Web3 ที่จะคงอยู่และเป็นที่ยอมรับในระยะยาว Web3 ยังสร้างวิธีใหม่ๆ ให้ผู้คนได้เรียนรู้, แบ่งปันความรู้, และเชื่อมต่อถึงกันได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตออนไลน์ของเราในแง่มุมต่างๆ ได้อย่างไร

ข้อเสียของ Web3 คืออะไร?

ไม่ใช่ว่า Web3 จะไม่มีข้อบกพร่อง ปัญหาหลักๆ ของมันก็คือความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Web3 เช่น Blockchain หรือ Smart Contracts อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนส่วนใหญ่ที่จะเข้าใจได้

Learning Curve ที่สูงชันนี้เป็นอุปสรรคต่อการได้รับการยอมรับในวงกว้าง เนื่องจากผู้ใช้งานประสบปัญหาในการเข้าถึงส่วนต่างๆ ของระบบใหม่เอี่ยมเหล่านี้ นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับขนาดของเครือข่ายบล็อกเชนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ Web3 ประสบความสำเร็จ ก็ยังมีความกังวลอยู่เป็นอย่างมาก ในปัจจุบัน ระบบบล็อกเชนจำนวนมากมีปัญหาในการจัดการกับธุรกรรมปริมาณมากๆ ได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้มันได้รับการยอมรับในกระแสหลัก อีกทั้ง ความกังวลเกี่ยวกับปริมาณพลังงานที่ระบบเหล่านี้ใช้ก็เชื่อมโยงกับปัญหานี้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเครือข่ายที่ต้องอาศัยกลไกฉันทามติ Proof-of-Work (PoW) ที่ใช้พลังงานสูง

นอกจากนี้ ภาพรวมด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบของ Web3 ยังนำมาซึ่งปัญหาอีกมากมาย แม้ว่าบล็อกเชนจะมีความปลอดภัยโดยธรรมชาติ แต่ระบบนิเวศของ Web3 ที่กว้างมากขึ้น ก็อาจจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่างๆ เช่น การสแกม และ ช่องโหว่ใน Smart Contract

ลักษณะการกระจายอำนาจของเทคโนโลยีเหล่านี้อาจจะทำให้ ความพยายามในการตั้งกฎเกณฑ์และการคุ้มครองผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในทางกฎหมายและการเงินได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความผันผวนโดยธรรมชาติของตลาดสกุลเงินดิจิทัลก็อาจจะทำให้ผู้ใช้งานและนักลงทุนเกิดความกลัวขึ้นมาได้

สุดท้ายนี้ การพึ่งพาสกุลเงินดิจิทัลสำหรับการทำธุรกรรมในพื้นที่ Web3 อาจจะเป็นปัญหาได้ เนื่องจากบางคนอาจจะไม่เข้าใจหรือเชื่อถือเงินประเภทนี้ ปัญหาทั้งหมดเหล่านี้รวมกันนำไปสู่สถานการณ์ที่ Web3 ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ซึ่งจะต้องได้รับการจัดการเพื่อให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืนและเท่าเทียมกัน

เข้ามามีส่วนร่วมกับวงการนี้: เริ่มการทำงานใน Web3

สุดยอดโปรเจกต์ Web3 เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าทึ่งภายในพื้นที่ที่กำลังเติบโตนี้ ตั้งแต่ การเงินแบบกระจายอำนาจและตลาดซื้อขาย NFT ไปจนถึง การพัฒนาบล็อกเชนและโอกาสในการทำงานด้านสกุลเงินดิจิทัลแบบออนไลน์ โปรเจกต์เหล่านี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เป็นเอกลักษณ์ในด้านต่างๆ ของ Web3

อุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตนี้ไม่เพียงแต่มอบโอกาสในการทำงานที่มีรายได้สูงและแปลกใหม่เท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคส่วนนี้และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกดิจิทัล สำหรับผู้ที่ต้องการความก้าวหน้าในภูมิทัศน์ของโลกอินเทอร์เน็ตแบบกระจายอำนาจ การมองหางาน Web3 ที่ให้เงินเดือนสูงที่สุดก็อาจจะแสดงให้เห็นถึงโอกาสการสร้างรายได้ที่ดีในสาขาที่ล้ำสมัยนี้ได้

คำถามที่พบบ่อย

ตัวอย่างของ “สุดยอดโปรเจกต์ Web3” มีอะไรบ้าง?

บริษัทไหนที่เป็นผู้นำใน Web3?

Web3 มีอนาคตที่ดีหรือไม่?

ทักษะ Web3 คืออะไร?

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | เมษายน 2024

Trusted

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

bic_photo_6.jpg
Akradet Mornthong
อัครเดช หมอนทอง เป็น นักแปล/นักเขียนคอนเทนต์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน NFT Games, Metaverse, AI, Crypto และเทคโนโลยีใหม่ๆ เขาจบการศึกษาในสาขาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล และมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการเกมมากกว่า 10 ปี เมื่อ NFT Games ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่พลาดที่จะก้าวเข้ามาในวงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลในเชิงลึกต่างๆ ของวงการ NFT รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto อีกด้วย
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน